แบ่งสมบัติ10ล้านไม่ลงตัว! พี่ผัวบุกทวงอดีตน้องสะใภ้ อ้างโดนสากตีก่อนชักมีดแทงดับ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ บริเวณห้องโถงชั้นล่างพบศพ นางวาสนา จันตะ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกของมีคมแทง ฟัน และถูกของแข็งทุบตีทั่วร่างกายนอนหงายจมกองเลือด ใกล้กันมีดเปื้อนเลือดยาวประมาณ 4 นิ้ว ตกอยู่ 1 เล่ม และสากกะเบือหักเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน ข้าวของภายในบ้านกระจัดกระจายเกลื่อน รวมทั้งแผงผับขายลอตเตอรี่เปื้อนเลือด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนน้องสาวผู้ตาย ให้การว่า บ้านหลังนี้ปัจจุบันพี่สาวพักอยู่กับสามี อายุ 54 ปี ก่อนหน้านี้ตนก็อยู่บ้านหลังนี้ด้วย แต่เพิ่งย้ายออกไปเมื่อ 3 เดือน เนื่องจากพี่สาวกับพี่เขยเกิดความขัดแย้งกันเรื่องทรัพย์สิน หลังทั้งคู่เลิกลากันแต่ก็ยังพักอยู่บ้านเดียวกัน โดยมีการแบ่งสมบัติกันแล้ว ทั้งบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งได้นำไปฝากไว้ในตู้เซฟธนาคาร
"ตอนแรกทรัพย์สินในตู้เซฟ พี่เขยได้ยกให้พี่สาวทั้งหมด จนมาระยะหลังๆพี่ชายสามีจะขอทวงทรัพย์สินบางส่วนในตู้เซฟคืน จนเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรง มีการขู่ฆ่าจะทำร้ายร่างกายพี่สาว ทำให้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกัน ทำให้ตนตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เพราะไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องครอบครัว ก่อนจะย้ายออกไปตนได้ฝากฝังกับเพื่อนบ้านและรปภ.หมู่บ้านเอาไว้ ว่าหากมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเกิดขึ้นที่บ้าน ขอให้โทรศัพท์ไปบอกด้วย เนื่องจากเกรงว่าพี่สาวจะได้รับอันตราย
จนกระทั่งบ่ายวันนี้ เพื่อนบ้านโทรศัพท์ไปบอกว่า เห็นนายทรงธรรม ขับรถยนต์มาที่บ้านจากนั้นได้ยินเสียงทะเลาะกันภายในบ้านเสียงดังลั่น ก่อนที่พี่สาวจะส่งเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย สักพักก็เห็นนายทรงธรรม ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร่งรีบ เมื่อเพื่อบ้านเข้าไปดูก็พบว่าพี่สาวถูกฆ่าตายไปแล้ว"
ต่อมาที่สน.เพชรเกษม นายทรงธรรม อายุ 63 ปี เดินทางเข้ามอบตัว พร้อมรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ฆ่าน้องสะใภ้จริง โดยมีอาชีพขายข้าวมันไก่ อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร ก่อนหน้านี้มีทรัพย์สินเป็นนาฬิกา ทองรูปพรรณ และเครื่องเพชร มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สะสมมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ต่อมาน้องชายมีตู้เซฟอยู่ที่ธนาคารตนจึงนำทรัพย์สินของตนไปฝากไว้ในตู้เซฟ จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าน้องชายกับผู้ตายเลิกลาโดยไม่มีการหย่าร้าง พร้อมมอบกรรมสิทธิ์ตู้เซฟและทรัพย์สินทั้งหมดในตู้เซฟให้ฝ่ายภรรยา
"เมื่อผมรู้จึงพยายามทวงทรัพย์สินที่เคยฝากไว้คืนจากผู้ตายตั้งแต่ปี 2560 แต่กลับถูกผู้ตายบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงเข้าแจ้งความที่สน.เพชรเกษม ในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นคดีความกันมาถึงทุกวันนี้ จนวันนี้เข้าไปทวงทรัพย์สินที่บ้านอีก และเห็นผู้ตายนำนาฬิกาโรเล็กซ์ของผมมาใส่ ทำให้เกิดการทะเลาะกันขึ้น และต่างฝ่ายต่างทำร้ายกัน ผมถูกผู้ตายใช้แผงลอตเตอรี่และสากกระเบือตี อีกทั้งยังพยายามหยิบมีดทำครัวพุ่งเข้าหา ผมเลยพลั้งมือชักมีดพับที่ติดตัวไว้แทงไปโดยไม่ได้นับ แล้วออกจากบ้านมามอบตัว"
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ควบคุมตัวไว้สอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุและส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป