สลด! พันโทแก้ปัญหารักสามเส้าไม่ตก ยิงตัวตายพร้อมเมียใหม่ดับสยองคาบ้านพัก
โดยในบ้านหลังดังกล่าวเป็นชั้นเดียว ในรั้วบ้านเป็นที่จอดรถ มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กง 2258 นครพนม และรถเก๋งฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีดำ ทะเบียน กล 6693 อุดรธานี จอดอยู่ข้างบ้าน ที่ประตูทางเข้าบ้านพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย ในสภาพนั่งฟุบบนโซฟาสีฟ้า ทราบต่อมาว่าชื่อ พ.ท.วิชิต สุภา อายุ 58 ปี นายทหารมณฑลทหารบกที่ 210(มทบ.210) สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสามส่วนสีชมพู มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายเป็นรูโบ๋ และบริเวณด้านข้างกำแพงบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ทราบภายหลังชื่อ น.ส.นิตยา พันธะไชย อายุ 36 ปี มีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด ปี ตรวจสอบที่พบศพไม่พบร่องรอยการต่อสู้ แต่พบมีการเปิดก๊อกน้ำที่หลังบ้าน ภายในบ้านได้เปิดไฟฟ้า เปิดแอร์ในห้องนอนและเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้
สอบสวนเบื้องต้น พ.ท.วิชิต เป็นนายทหารการข่าวประจำกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจังหวัดนครพนม(กอ.รมน.) และมีครอบครัวแล้ว ต่อมาได้มารู้จักกับ น.ส.นิตยา เดิมเป็นครูพี่เลี้ยงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต.นางัว อ.บ้านแพง จ.นครพนม แต่ภายหลังย้ายมาเป็นครูพี่เลี้ยงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาผักปอด ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และยังเป็นอาสาสมัครแรงงาน(อสร.) ประจำ ต.นางัว กระทั่งตกลงปลงใจอยู่กินในฐานะภรรยาน้อย
ต่อมา ภรรยาหลวงจับได้จึงเปิดทางให้สามีไปอยู่กินกับเมียใหม่ โดยภรรยาหลวงไปบวชชีถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม แต่เรื่องยังไม่จบเพราะเมียน้อย ต้องการให้ พ.ท.วิชิต ตัดขาดกับเมียหลวงอย่างสิ้นเชิง จึงให้ผู้พันวิชิตขออำนาจศาลฟ้องหย่าถึง 2 ครั้ง แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องไม่มีข้อบกพร่องในหน้าที่ภรรยา จึงไม่มีคำพิพากษาให้หย่าตามคำฟ้องของโจทก์ แต่ผู้พันวิชิตก็อยู่กินกับ น.ส.นิตยาอย่างเปิดเผย ต่อมากลางปี 2561 พ.ท.วิชิตล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ร่างกายข้างขวาอ่อนแรง ผู้บังคับบัญชาจึงย้ายให้กลับมาประจำ มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวางเพื่อรอเกษียณ
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พ.ท.วิชิตได้ซื้อบ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยใส่ชื่อน.ส.นิตยาเป็นผู้ครอบครอง และมีเรื่องระหองระแหงอยู่เนืองๆ เพราะอยากให้ พ.ท.วิชิตหย่าขาดกับเมียหลวง ทั้งคู่จึงมีปากเสียงเรื่องนี้ประจำ จนผู้พันวิชิตต้องไปปรับทุกข์กับเมียหลวงที่บวชเป็นแม่ชีประจำ บางครั้งก็ต้องไปนอนบ้านหลังเก่าที่อยู่หน้าค่ายพระยอดเมืองขวาง เพราะร่างกายไม่สมบูรณ์จึงถูกเมียน้อยทำร้ายเกี่ยวกับเรื่องหย่า ภรรยาหลวงสงสารจึงไปเซ็นใบหย่าให้ก่อนเกิดเหตุเพียง 7 วัน ซึ่งหลังจากหย่ากันแล้วผู้พันวิชิต ได้เอ่ยกับอดีตภรรยาว่าจะไม่จดทะเบียนสมรสกับ น.ส.นิตยาเด็ดขาด หากรบกวนมากจะฆ่าให้ตาย ซึ่งอดีตเมียขอร้องว่าอย่าทำเพราะมันจะเป็นบาป
ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน พ.ท.วิชิตไปหาอดีตภรรยาที่วัดบ้านดงโชค พร้อมบ่นว่าอยากกลับมาอยู่กับครอบครัว แม่ชีก็อโหสิกรรมยินดีให้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมกันอีกครั้ง แต่ปัญหาคือต้องไปตกลงกับ น.ส.นิตยาก่อน ซึ่งผู้พันวิชิตขอโทษอดีตภรรยาที่ทำตัวเหลวไหล ทำให้ครอบครัวแตกแยก หากฝ่าย น.ส.นิตยาไม่ยอมเห็นทีจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเคยพูดคุยกันแล้ว น.ส.นิตยาขอเงิน 500,000 บาท เป็นค่าแยกทางกัน แต่ผู้พันวิชิตบอกจะหาเงินที่ไหนมาให้ เพราะยังไม่ได้ปลดเกษียณ ทั้งคู่จึงมีปากเสียงเรื่องนี้ตลอด
ส่วนประเด็นการเสียชีวิต ทางตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ แต่มุ่งประเด็นชู้สาว ทะเลาะวิวาท ปัญหาชีวิตครอบครัว เนื่องจากนายทหารผู้ตายมีปัญหากับภรรยาคนใหม่ หลังคบหากันมาได้ประมาณ 3 ปี โดยทางภรรยาคนเก่าได้เดินทางมาดูสภาพศพพร้อมลูกชาย ท่ามกลางความสลดร้องให้ด้วยความเสียใจ พร้อมกับพูดว่า"แม่บอกพ่อแล้วว่าอย่าทำๆมันจะเป็นบาปฯ" ขณะรายงานข่าวเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังหาปลอกกระสุนอีก 1 นัด ไม่เจอ ซึ่งจะต้องรอการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง