ปอนซีด! ศาลลงโทษประหาร คดีฆ่าขืนใจแหม่ม สุดสยองเกาะสีชัง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวนายรณกร หรือปอน ร่มรื่น หลังมีผู้พบเห็นนายรณกรสวมใส่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด เดินลงมาจากจุดเกิดเหตุ นายรณกรยอมรับว่าเพิ่งเสพยาไอซ์จนเมาได้ที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ประกอบกับผู้ตายเป็นหญิงสาวหน้าตาดีจึงลงมือก่อเหตุ
เมื่อจําเลยให้ การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจําเลยตามฟ้องโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปได้ตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 13 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจําเลยกระทําความผิดฐานดังกล่าว
ส่วนความผิดฐาน ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนทําไว้นั้น แม้โจทก์ไม่ มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดต่อเหตุการณ์เบิกความยืนยันว่า พบเห็นจําเลยและ ผู้ตายเดินขึ้นบันไดไปทางยอดเขาพระจุลจอมเกล้า
โดยตรวจพบคราบโลหิตและสารพันธุกรรมของจําเลยและผู้ตายติดอยู่ที่กางเกงและรองเท้าแตะของจําเลย ในที่เกิดเหตุพบก้นกรองบุหรี่ตรวจพบสารพันธุกรรมของจําเลยติดอยู่ และพบยางวงกลมสีเขียวอ่อนกับรอยโลหิตตรวจพบสารพันธุกรรมของจําเลยและผู้ตาย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากจําเลยข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่นผู้ตายแล้ว ผู้ตายพยายามหลบหนีจําเลยมาตามบันไดทางลงเขา แต่จําเลยติดตามมาทันแล้วใช้ก้อนหิน ของกลางทุบตีผู้ตายอย่างแรงหลายครั้งที่ศีรษะและใบหน้าของผู้ตายอันเป็นอวัยวะสําคัญ
ก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์หลายแผลจนผู้ตายถึงแก่ความตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาใน ความผิดอื่นที่ตนได้กระทําไว้พยานหลักฐานที่โจทก์นําสืบประกอบคํารับสารภาพของจําเลยฟังเป็นที่พอใจว่า จําเลยกระทําความผิดฐานดังกล่าวตามฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานข่มขืน กระทําชําเราผู้อื่นจําคุก 14 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิด อื่นที่ตนได้กระทําไว้ ให้ประหารชีวิต
ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน เป็น กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นบทที่ มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุก 6 เดือน
ฐานซ่อนเร้นศพ จําคุก 1 ปี สําหรับ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทําไว้
แม้ จําเลยให้การรับสารภาพ แต่ลําพังพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นําสืบมาทั้งพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายงานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในที่เกิดเหตุและผลการตรวจสารพันธุกรรม นับว่าเป็นพยานหลักฐานที่สําคัญ ซึ่งรับฟังลงโทษจําเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคํารับสารภาพของจําเลย
การที่ จําเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาย่อมเป็นเพราะจํานนต่อหลักฐานของโจทก์ดังกล่าว และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่ลดโทษให้ สําหรับความผิดฐานข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่น ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน และฐานซ่อนเร้นศพ
จําเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่ การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงลงละกึ่งหนึ่ง ฐานข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่น คงจําคุก 7 ปี ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน จําคุก 4 เดือน และฐานซ่อนเร้นศพ จําคุก 5 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว และให้ริบก้อนหินของกลาง