เจาะประวัติ “ครูพี่ณัฐ” เจ้าของสถาบันกวดวิชา ทำร้าย “น้องชายแดน” เรียนไม่จบเตรียมทหาร

วันนี้ (20 มิ.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ น้องชายแดน หรือ ด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี เสียชีวิตปริศนาในสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครสวรรค์ จนมาสู่การจำกุมผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่ง 1 ในนั้นคือ เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์
สำหรับ นายณัฐพล เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนชื่อดังของ จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นได้สอบติดเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ แต่เรียนไม่จบหลักสูตร เพราะเจ้าตัวขอลาออกขณะกำลังศึกษาปีที่ 2

โดยหลังจากลาออกมาแล้ว เมื่อปี 2560 นายณัฐพลจึงผันตัวเองมาเปิดสถาบันกวดวิชาทหาร ซึ่งเริ่มแรกได้มีการตั้งสถาบันอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจปากน้ำโพ ก่อนจะมีการย้ายไปตั้งสถานที่ใหม่ภายในหมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงที่เปิดสถาบันแห่งนี้ นายณัฐพล ได้สร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งการแต่งกายที่มักจะแต่งกายให้คล้ายทหาร ควบคู่ไปกับหลักสูตรการสอน ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงป้ายโฆษณาที่มีการติดประกาศไว้ทั่วหมู่บ้าน จึงทำให้ผู้ปกครองหลายรายเกิดความสนใจพาบุตรหลานมาสมัครเรียน

แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลนี้ ผู้สื่อข่าวพบว่า เด็กที่มาเรียนกับสถาบันแห่งนี้ มีสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารแค่ 2 รายเท่านั้น และเด็กทั้ง 2 คนนี้ เป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอรรถพร สีหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมที่ห้องประชุม 301 ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นเดียวกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร "กวดวิชาบ้านพี่ณัฐ" ซึ่งในห้องประชุมกลุ่มโรงเรียนเอกชนนอกระบบ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ชี้แจงให้ข้อมูลว่าว่าสถาบันที่เป็นข่าวนั้น ไม่ได้ขอจดทะเบียนจัดตั้งโรงเรียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (สนง.ศธจ.) หรือเรียกว่าโรงเรียนเถื่อน จึงไม่มีระบบประกันคุณภาพการตรวจนิเทศจาก ศธจ. แต่อย่างใด ซึ่งก็ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ไว้แล้ว

โดยในข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ในจังหวัดนครสวรรค์ยังมีหลายที่ที่เปิดสอนกวดวิชา ภาษาต่างประเทศ ดนตรี ศิลปะ และเก็บค่าเรียนโดยไม่ได้ขออนุญาต จึงขอแนะนำให้โรงเรียนหรือสถาบันเหล่านั้น รีบติดต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนให้ถูกต้องต่อไป ส่วนบทลงโทษโรงเรียนเถื่อน มีทั้งโทษจำและปรับอันเป็นโทษทางอาญา ซึ่งหากผู้เปิดโรงเรียนเถื่อนเป็นข้าราชการด้วย ก็จะมีโทษทางวินัย และหากเป็นข้าราชการครูก็จะมีผลถึงยึดใบประกอบวิชาชีพครูเลยทีเดียว ซึ่งทาง สพป.นว.