เมียไอ้ใจเผยปมแค้นต้องฆ่าเหตุน้อยใจไม่รับเลี้ยงจากลูกเมียเก่า สาวท้องเป็นแค่หลานแต่ตนรักเหมือนลูก

เมีย ไอ้ใจ แค้นมากอยากให้ประหารสถานเดียว เผยปมเหตุร้าวลึก น้อยใจไม่ยอมรับดูแลลูกกับเมียเก่า ทั้งที่ไม่เคยพามาให้เห็นหน้า แถมอาฆาตผ่านเพื่อนสนิทจะไม่มีวันสงบ

ไอ้ใจ จากกรณี นายภูมใจ เหลืองทอง อายุ 57 ปี ใช้ค้อนทุบหัว น.ส.นันท์ชยา หรือนุ่น จันทะโมคา สาวท้อง 7 เดือน เสียชีวิตคาบ้านพักซอยรามอินทรา 109 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 13 เม.ย. พบว่า นายภูมใจได้กินยาเบื่อหนูหวังฆ่าตัวตาย บริเวณอู่รถเมล์สาย 122 ย่านแฮปปี้แลนด์ แต่มีคนไปแล้วช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน ก่อนตำรวจนำตัวไปสอบปากคำ และให้การรับสารภาพ จากนั้นตำรวจได้จำลองเหตุใน สน.คันนายาว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 14 เม.ย. ที่ศาลา 3 วัดสัมมาชัญญาวาส ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจันทร์เพ็ญ รุณเกตุ อายุ 49 ปี มารดาแม่แท้ๆ ของ น.ส.นันท์ชยา พร้อมด้วย นางพิมพ์วิมล จันทะโภคา อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นป้าแต่ น.ส.นันท์ชยา เรียกว่าแม่ และเป็นภรรยานายภูมใจ รวมทั้งเครือญาติ ร่วมกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.นันท์ชยา ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยมีแขกเดินทางเข้ามาร่วมงานพร้อมทั้งแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มีกำหนดสวดพระอภิธรรมศพ รวมทั้งหมด 5 คืน ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย. และจะฌาปนกิจศพในวันที่ 17 เม.ย.นี้ ก่อนนำอัฐิจัดพิธีลอยอังคาร ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร (แปดริ้ว) ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไป

นางพิมพ์วิมล กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนี้ และไม่ขออโหสิกรรมให้นายภูมใจ โดยเด็ดขาด ทั้งนี้อยากให้ศาลตัดสินลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิตเพียงสถานเดียวเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่นายภูมใจลงมือก่อเหตุนั้น สืบเนื่องมาจากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่คบหากันมารับรู้มาโดยตลอดว่าตนรัก น.ส.นันท์ชยา มากกว่า ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ตนก็เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กก็เปรียบเสมือนลูกในไส้คนนึง และไม่เคยรักผู้ใดมากกว่า น.ส.นันท์ชยา

นางพิมพ์วิมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายภูมใจ ยังเคยมีครอบครัวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีลูกติดกับภรรยาเก่าด้วยกัน 2 คน โดยคนโตเป็นผู้หญิง อายุ 29 ปี ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 20 ปี ตั้งแต่ที่คบกันมาก็ไม่เคยพามาให้ตนพบเห็นแม้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นอีกชนวนเหตุที่เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมตนไม่เสนอที่อยากดูแล ทั้งนี้ขณะที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งตน นายภูมใจ และน.ส.นันท์ชยา ทุกฝ่ายก็เข้ากันได้ดีเคยมีปากเสียงกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ก็เป็นเรื่องปกติของคนในครอบครัว แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องตนจะเป็นผู้ออกรับปกป้องน้องนุ่น จนเป็นเหตุให้ นายภูมใจ เกิดความคับแค้นใจสะสมมาโดยตลอด

ก่อนเกิดเหตุนายภูมใจ ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทเพื่อระบายความในใจ อีกทั้งยังพูดว่า หากทำอะไรตนไม่ได้ก็จะฆ่าคนที่ตนรักแทน รวมทั้งหากครอบครัวนายภูมใจ ไม่มีความสุขก็อย่าหวังว่าครอบครัวตนจะมีความสุข ซึ่งเพื่อนสนิทของนายภูมใจ ก็ไม่คาดคิดว่าจะลงมือก่อเหตุจริงจึงไม่ได้ติดต่อมายังตน โดยขณะนี้ตนก็เหมือนคนตายทั้งเป็นและไม่มีสิ่งใดมาทดแทนหรือชดใช้ความรู้สึกนี้ได้