หนุ่มแอฟริกาฆ่าโหดสาวไทยจนเสียชีวิตคาโรงแรม ฉกทรัพย์ไป 700,000 บาท
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม หนุ่มแอฟริกาฆ่าโหดสาวไทยจนเสียชีวิตคาโรงแรม ฉกทรัพย์ไป 700,000 บาท
วันที่ 24 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ การรัตน์ สว.เวรสอบสวน สน.ลาดพร้าว ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่โรงแรม ภายในซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุภายในห้องพัก ชั้นที่ 6 พบศพ น.ส.ศุษมา รื่นฤทธิ์ อายุ 35 ปี ชาว ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นนักธุรกิจจิวเวลรี่ที่ จ.กาญจนบุรี นอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียงนอน โดยมีผ้าห่มคลุมอยู่ พบบาดแผลถูกตีที่ศีรษะด้วยของแข็ง และมีคราบเลือดติดที่ผ้าปูที่นอน ที่ขอบเตียงมีเศษฝาชักโครกแตกอยู่ภายในห้อง อีกทั้งยังมีทรัพย์สินที่สูญหายไปทั้งเพชร พลอย สร้อยทองรูปพรรณ และเครื่องประดับอื่น ๆ รวมถึงเงินสด เป็นจำนวนกว่า 700,00 บาท
จากการตรวจหลักฐานของตำรวจ คาดการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุมาหาผู้ตาย น่าจะมีความรู้จักกัน หลังจากนั้นคาดว่า ทั้งคู่ทะเลาะกัน ซึ่งในห้องเกิดเหตุ พบฝาชักโครกที่ถูกถอดออกมา อาจใช้เป็นอาวุธตีศีรษะของผู้ตาย จนเสียชีวิต หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุได้นำผ้าห่มของโรงแรมมาคลุมที่ศพไว้ ก่อนหลบหนีออกจากโรงแรม
โดยกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมเผยให้ทราบว่า ผู้ตายได้มาเช็กอินเปิดห้องเข้าพักเมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 23 มี.ค.62 แล้วได้ออกจากห้องไปรับประทานอาหารด้านนอก จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันที่ 24 มี.ค. ผู้ตายได้กลับเข้าห้อง ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น. Mr.Mzwakhe Memela อายุ 38 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ เดินมาหาผู้ตาย แล้วเปิดห้องให้ผู้ตายเข้าไป จนถึงเวลาประมาณ 08.45 น. Mr.Mzwakhe เปิดห้องออกมาแล้วเดินถอยหลังมาขึ้นลิฟต์ ลักษณะท่าทางมีพิรุธ จนกระทั่งมีผู้มาพบศพผู้ตาย จึงเชื่อได้ว่าคนร้ายคือ Mr.Mzawakhe Memela
และในวันที่ 25 มี.ค. 62 ครอบครัวผู้ตายเดินทางมารับศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น แพทย์ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิต เกิดจากการขาดอากาศหายใจ จากแรงกดบริเวณลำคอ โดยจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
นายประพฤติ รื่นฤทธิ์ อายุ 63 ปี พ่อของผู้ตาย เผยว่า ทางตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้หลบหนีไปที่ประเทศฮ่องกงแล้ว ซึ่งตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามจับให้ได้ เพราะทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมีจำนวนค่อนข้างเยอะ ทั้งสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ แหวนพลอย และพญาครุฑทองคำล้อมเพชร และเงินสดรวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 700,000 บาท
โดยปกติ ลูกสาวจะเดินทางมากรุงเทพ ฯ บ่อยครั้ง เพื่อที่จะนำงานมาส่งให้ลูกค้า ซึ่งบางครั้งจะมาพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุ บางครั้งจะไปพักกับสามีที่อยู่กรุงเทพฯ ซึ่งวันนั้นตนไม่แน่ใจว่าวันที่เกิดเหตุได้นัดลูกค้าไว้ที่โรงแรมแห่งนี้หรือไม่ และไม่รู้จักว่าผู้ก่อเหตุคือใคร เพราะปกติเวลาลูกสาวมากรุงเทพฯ ก็จะมาเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจ เพราะว่าลูกสาวเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้สานต่อธุรกิจจิวเวอรี่ของครอบครัว
น.ส.สหัสสา พินิจอภิรักษ์ อายุ 35 ปี เพื่อนของผู้ตาย ซึ่งนอนอยู่ข้างห้องของผู้ตายในโรงแรม เปิดเผยว่า ปกติแล้วผู้เสียชีวิตเป็นคนที่ชอบปาร์ตี้กับเพื่อนต่างชาติผิวสี ในกลุ่มคนที่รู้จักกันจะเรียกผู้ตายว่า “ชูก้า” โดยผู้ตายได้รู้จักกับชายคนดังกล่าว เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และมีการแลกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อพูดคุยกันในลักษณะชอบพอกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยพาชายคนดังกล่าวไปที่ จ.กาญจนบุรี ด้วย และได้มีการขโมยเงินผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท แต่ผู้ตายก็ไม่เอาผิด ซึ่งตนก็จะคอยเตือนผู้ตายอยู่ตลอด เพราะไม่ค่อยไว้ใจชายคนดังกล่าว เนื่องจากผู้ตายชอบใส่เครื่องประดับจำนวนมาก
โดยตนและเพื่อน ๆ จึงช่วยกันการตรวจสอบว่า ผู้ชายคนดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากว่าพวกตนรู้จักกับกลุ่มคนผิวสีเยอะ แต่จากการสอบถามก็ไม่มีใครรู้จักผู้ชายคนนี้ ซึ่งบุคลิกของผู้ชายคนดังกล่าวเป็นชายผิวสีดำ สูง 198 เซนติเมตร ตัวหนาใหญ่ อ้างว่าตัวเองมาจากประเทศสเปน แต่ในพาสปอร์ตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ว่ามาจากประเทศแอฟริกาใต้ และตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่คุยกับผู้เสียชีวิต ผู้ชายคนนี้จะมีลักษณะท่าทางที่ผิดปกติคือดูลุกลี้ลุกลน และเป็นคนค่อนข้างระวังตัว ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นกลุ่มคนผิวสีเหมือนกัน ก็จะพยายามปลีกตัวออกห่างทุกครั้ง ซึ่งจากที่เห็นดูแล้วไม่น่าไว้ใจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ขณะนี้ผู้ต้องหา ได้เดินทางไปที่ฮ่องกงแล้ว ด้านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำลังดำเนินการในเรื่องของการออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฮ่องกงแล้ว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา เนื่องจากเมื่อผู้ต้องหาเดินทางไปต่างแดน จึงจะต้องมีการประสานหลายหน่วยงาน
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น