ตร.ยันให้ความเป็นธรรม คดียิงหนุ่มช่างกล เผยวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์นาทียิง
จากกรณีนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 คณะช่างยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงใส่กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมอยู่ที่ท้ายรถกระบะของเจ้าหน้าตำรวจสังกัดกก.สส.บก.น.4 จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนกลับไปจนนายเอกชัยเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณถนนร่มเกล้า ปากซอยร่มเกล้า 6 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 ก.พ. ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ยิงหนุ่มช่างกล / ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รองผบก.น.3 กล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งข้อหาฝ่ายตำรวจ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่ได้ข้อชัดเจนว่าเกิดเหตุการณ์อย่างไร
ทันทีที่ได้ความชัดเจนจะพิจารณาเรียกเข้ามาแจ้งข้อหาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งนี้ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ต้องหาทั้งหมด เอาเฉพาะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ใครที่เป็นผู้ยิงก็จะตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้จะอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้จะเรียกฝ่ายตำรวจมาแจ้งข้อกล่าวหา
เมื่อได้กระสุนมาก็จะนำไปตรวจเปรียบเทียบกับอาวุธปืนของผู้ตายที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งทราบแล้วว่าอาวุธปืนที่ผู้ตายใช้ได้มาจากผู้ชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตแล้วในจ.ปทุมธานี ก็จะเรียกญาติมาสอบ แต่จากการประสานในเบื้องต้นญาติไม่ทราบว่าตัวเจ้าของปืนนั้นมีปืนหรือไม่ ซึ่งจะต้องสอบพยานต่อไปว่าปืนมาอยู่กับผู้ตายได้อย่างไร"
รองผบก.น.3 กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีความชัดเจนในเหตุการณ์ทุกอย่างปรากฎอยู่ในกล้องวงจรปิดหมดแล้ว ใครที่ดูก็จะสามารถอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมด สามารถตอบข้อสงสัยได้ทุกเรื่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะได้ทำหนังสือถึงผู้รับผิดชอบให้ส่งมาเป็นทางการ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน
ทั้งนี้การตรวจสอบกล้องวงจรปิดฝั่งเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบแล้วแต่ยังไม่ได้ เจ้าหน้าที่ของ กทม.แจ้งว่าเสีย แต่ยังไม่มีการยืนยันมาเป็นหนังสือ ซึ่งกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ 2 ตัว ขณะนี้เป็นกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามที่พอจะเห็นเหตุการณ์ค่อนข้างชัดเจน
พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่นั่งด้านหลังกระบะมา 3 คน ให้การตรงกันกับที่ตำรวจพูด โดยปกติแล้วผู้ต้องหาถูกตำรวจจับมามักไม่พอใจตำรวจ แต่รายนี้ให้การสอดคล้องตรงกันว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการยั่วยุกันหรือไม่ ทางพ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดมาไม่มีสิทธิไปยั่วยุคนที่ไม่รู้จักมาก่อน ในขณะที่มีตำรวจขี่รถจยย.ควบคุมมาด้วย โอกาสที่ผู้ต้องหาไปยั่วยุใครเลยไม่มี แต่ขณะที่รถเลี้ยวออกมาจากซอยผู้ต้องหามองเห็นว่าผู้ตายมีปืนเหน็บมาที่เอว
จากนั้นผู้ตายก็เอาปืนมาขู่ที่รถถามว่า "ใครด่าแม่กู ใครด่าแม่กู" เมื่อผู้ต้องหาคดียาเสพติดเห็นจึงหมอบกันหมด เพราะกลัวจะถูกยิง ขณะที่ผู้ตายถามได้นั่งซ้อนรถจยย.ซึ่งมีเด็กอีกคนเป็นผู้ขับขี่ อาจเป็นการเข้าใจผิดของกลุ่มผู้ตายว่าเป็นคู่อริ ซึ่งจริงๆ ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะตำรวจไปจับยาเสพติดจะรีบเอาตัวไปสอบสวนขยายผลคงไม่มีเวลาไปหาเรื่องใคร
รองผบก.น.3 กล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องสอบปากคำพ่อผู้ตาย ทั้งนี้หากพ่อผู้ตายมีข้อสงสัยในประเด็นไหน ก็จะชี้แจงให้ฟังทั้งหมด แต่ขณะนี้หลักฐานที่ได้มาเป็นทางการยังไม่ครบถ้วน ตามระเบียบจะต้องแจ้งญาติผู้ตายถึงผลการสอบสวนอยู่แล้ว ซึ่งไม่ตัดสิทธิญาติผู้ตายจะขอความเป็นธรรมหรือขอให้พนักงานอัยการสอบสวนเพิ่มเติม ในประเด็นที่คาใจอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำให้ได้ประเด็นครบถ้วนที่สุด ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำสำนวนสักระยะ เพราะประเด็นที่เกี่ยวข้องมีเยอะมาก
เมื่อถามว่า ทางครอบครัวผู้ตายมองว่าไม่ควรถึงขั้นให้เสียชีวิต ทางพ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายเสียหายฝั่งผู้ตายจะรู้สึกอย่างนั้น เราถึงพยายามสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยจะแบ่งสำนวนออกเป็น 3 สำนวน คือ 1.สำนวนการชันสูตรพลิกศพ 2.สำนวนผู้ตายต้องหาว่าพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง 3.สำนวนที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยอ้างว่าปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ได้รับคำร้องทุกข์ทั้ง 3 สำนวนไว้แล้ว อยู่ในขั้นตอนของการแจ้งข้อกล่าวหา
"เหตุนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผมในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็มีอำนาจในการสอบสวน ขอยืนยันว่าเราให้ความเป็นธรรมตลอด และเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสียได้ และอยากให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่า เมื่อตำรวจไปทำงานตามหน้าที่ และเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็พยายามจะหลีกเลี่ยง ยกเว้นเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะต้องกระทำการแบบนี้ ผมยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง 100% ไหม ก็ต้องอาศัยการรวบรวมพยานหลักฐาน ตามที่แต่ละฝ่ายอ้าง ประกอบกับหลักฐานที่ได้มา" พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าว