มอบตัวแล้ว! พ่อค้าโหด บุกยิงยกครัวไม่ยั้งกลางตลาด
กรณีคนร้ายบุกยิงนายสิทธิโชค โลสงฆ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.4 ต.ห้วยท่าช้าง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พ่อค้าขายเสื้อผ้าในตลาดนัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บริเวณกลางตลาด ก่อนที่จะเดินตามไปยิงนายอลงกรณ์ โลสงฆ์ อายุ 49 ปี พ่อของนายสิทธิโชค ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และยิงน.ส.สุภัสรา ขำทิม อายุ 43 ปี แม่ของนายสิทธิโชค เสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุชื่อนายหนุ่ยพ่อค้าขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัดดังกล่าว แต่มีร้านคนละฟากถนน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 26 ม.ค. ที่สภ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี นายหนุ่ย หรือเชิดชัย ดวงจิต อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.8 ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เขาย้อย พร้อมให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง โดยตนกับนายสิทธิโชค โลสงฆ์ มักจะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง
ล่าสุดก่อนเกิดเหตุตนทะเลาะกับนายสิทธิโชคอีกครั้ง และนายอลงกรณ์ โลสงฆ์ พ่อของนายสิทธิโชค และแม่ของนายสิทธิโชค ช่วยรุมด่า ตนจึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 3 คน จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เจ้าหน้าที่คุมตัวฝากขังศาลจังหวัดเพชรบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
สำหรับอาการของนายอลงกรณ์ โลสงฆ์ ล่าสุดยังอยู่ในอาการโคม่า และนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า อ.เมืองเพชรบุรี
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 08.30 น. นายเชิดชัย ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัว กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .38 ซุปเปอร์ และซอง บรรจุกระสุนปืน พนักงานสอบสวนจึงรับมอบตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายเชิดชัย ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปเก็บร่องรอยเขม่าดินปืน พร้อมกับอาวุธปืนของกลางตรวจกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนการสอบสวนตามกฎหมาย
"สืบสวนสอบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเกิดจากนายเชิดชัย และคู่กรณีซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และในวันเกิดเหตุทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีอาชีพเป็นคนขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดมีปากเสียงกันรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้งไป ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องสอบปากคำพยาน รอผลการตรวจพิสูจน์ ผลการชันสูตรพลิกศพ เพื่อมาประกอบสำนวนการสอบสวน ตามกฎหมาย"
รองโฆษกตร.กล่าว และว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายในการรวบรวมพยานหลักฐาน และนำตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้รวดเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ พร้อมกันนี้ยังได้กำชับ ให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม