อึ้ง!10ขวบขโมยเงินเกือบแสน เปิดโรงแรมชื้อทองเปย์ให้แฟนใส่ญาติวอนคุมตัวดัดนิสัย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม อึ้ง!10ขวบขโมยเงินเกือบแสน เปิดโรงแรมชื้อทองเปย์ให้แฟนใส่ญาติวอนคุมตัวดัดนิสัย
จากกรณีเด็กชาย 10 ขวบขโมยของร่วมแสนบาท สารภาพญาติวัย 15 ปีเป็นคนบอกให้ทำ โดยนำเงินไปเปิดโรงแรมซื้อเหล้าเบียร์และเนื้อย่างเลี้ยงแฟน 10 คน ขณะที่ญาติยืนยันสั่งสอนอยากให้เป็นคนดี แต่น้องแตงโมรับปากลอย ๆ ลับหลังก็ทำเหมือนเดิม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อรับตัวไปดัดนิสัย เพราะอยู่ที่ไหนก็ขโมยจนเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว
จากกรณีน้องแตงโม วัย 10 ขวบ เที่ยวออกลักขโมยตามบ้านเรือนของเพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง กระทั่งเรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้น หลังจากเพจเฟสบุ๊กชื่อ Social Hunter v.ss นำเรื่องราวที่มีชาวเน็ตแจ้งเข้ามาให้ช่วยหาทางแก้ปัญหา และได้มีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก กระทั่งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ผู้ที่นำเรื่องราวมาโพสต์ไม่ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่ระบุว่าน้องแตงโมขโมยเงินไปร่วมแสนบาท ผู้เสียหายคือนางอุทัย พรมอุตร์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านชำ ซึ่งถูกน้องแตงโมวัย 10 ขวบ เข้ามาขโมยเงินสดจำนวน 90,000 บาทไปในบ้านพัก ซึ่งอยู่ห่างจากร้านค้าตัวเองไม่ไกล และไม่มีคนอาศัยอยู่ในบ้าน ซึ่งเงิน 90,000 เป็นเงินที่เตรียมไว้ใช้หนี้กองทุนเงินล้าน 70,000 บาท กู้มาจาก ธกส.และอีก 20,000 เป็นเงินที่ค้าขายได้เตรียมจ่ายเป็นค่าลงน้ำมันเพราะเปิดจำหน่ายน้ำมันหลอดด้วย โดยได้นำเงินมารวมกันไว้ แต่ก็ถูกน้องแตงโมขโมยไปทั้งหมด หลังจากรู้ว่าแตงโมขโมยไปก็ได้แจ้งความและติดตามได้เงินคืน 11,000 บาท จากน้องแตงโมและจากนายอ้นอีก 20,000 บาท โดยนายอ้นรับปากต่อหน้าตำรวจว่าจะเอามาคืนอีก 20,000 บาท และแม่น้องแตงโมจะหามาคืนให้อีก 20,000 รวมเป็นกว่า 70,000 บาท ซึ่งตนจะเอาคืนแค่ 70,000 เพราะส่วนที่เหลืออีกประมาณ 19,000 บาท น้องแตงโมได้นำไปใช้หมดแล้ว ก็ถือว่าเสียไปแล้วก็ไม่เป็นไร ซึ่งก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
จากกรณีน้องแตงโม วัย 10 ขวบ เที่ยวออกลักขโมยตามบ้านเรือนของเพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง กระทั่งเรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้น หลังจากเพจเฟสบุ๊กชื่อ Social Hunter v.ss นำเรื่องราวที่มีชาวเน็ตแจ้งเข้ามาให้ช่วยหาทางแก้ปัญหา และได้มีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก กระทั่งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ผู้ที่นำเรื่องราวมาโพสต์ไม่ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่ระบุว่าน้องแตงโมขโมยเงินไปร่วมแสนบาท ผู้เสียหายคือนางอุทัย พรมอุตร์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านชำ ซึ่งถูกน้องแตงโมวัย 10 ขวบ เข้ามาขโมยเงินสดจำนวน 90,000 บาทไปในบ้านพัก ซึ่งอยู่ห่างจากร้านค้าตัวเองไม่ไกล และไม่มีคนอาศัยอยู่ในบ้าน ซึ่งเงิน 90,000 เป็นเงินที่เตรียมไว้ใช้หนี้กองทุนเงินล้าน 70,000 บาท กู้มาจาก ธกส.และอีก 20,000 เป็นเงินที่ค้าขายได้เตรียมจ่ายเป็นค่าลงน้ำมันเพราะเปิดจำหน่ายน้ำมันหลอดด้วย โดยได้นำเงินมารวมกันไว้ แต่ก็ถูกน้องแตงโมขโมยไปทั้งหมด หลังจากรู้ว่าแตงโมขโมยไปก็ได้แจ้งความและติดตามได้เงินคืน 11,000 บาท จากน้องแตงโมและจากนายอ้นอีก 20,000 บาท โดยนายอ้นรับปากต่อหน้าตำรวจว่าจะเอามาคืนอีก 20,000 บาท และแม่น้องแตงโมจะหามาคืนให้อีก 20,000 รวมเป็นกว่า 70,000 บาท ซึ่งตนจะเอาคืนแค่ 70,000 เพราะส่วนที่เหลืออีกประมาณ 19,000 บาท น้องแตงโมได้นำไปใช้หมดแล้ว ก็ถือว่าเสียไปแล้วก็ไม่เป็นไร ซึ่งก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้านนางพัด จันทร์มั่น อายุ 91 ปี ยายของน้องแตงโม และพี่สาวของน้องแตงโม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
ทุกคนต่างสั่งสอน และห้ามปรามไม่ให้ไปลักขโมยของคนอื่น แต่น้องแตงโมทำได้แค่รับปาก ลับหลังก็ไปปีนบ้านเข้าไปขโมยของขโมยเงินอยู่ จนติดเป็นนิสัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว เพราะยายเองก็อายุกว่า 90 ปี ทั้งหูตึง ทั้งเดินเหินลำบาก ขณะที่พี่สาวก็คอยสอนคอยเตือนว่าสิ่งที่แตงโมทำมันผิด มันทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่แตงโมก็ไม่ฟัง ไปอยู่ที่ไหนก็ลักขโมย เคยส่งไปโรงเรียนกินนอนต่างอำเภอก็ไปลักขโมยของในโรงเรียน ซึ่งพฤติกรรมของแตงโมหากอยู่ที่ไหนก็จะขโมยที่นั่น แม้ว่าครอบครัวจะสั่งสอนห้ามปรามไม่ให้ทำ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของแตงโมได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวแตงโมไปดัดนิสัย ถึงจะรักหลานมากขนาดไหนแต่ก็ยอมที่จะให้นำตัวไป เพราะอยู่ที่นี่ก็จะคอยเที่ยวลักขโมยอยู่อย่างนี้
ด้าน พ.ต.อ.นรวัฒน์ คำภิโล ผกก.สภ.เขาสวนกวาง กล่าวว่า ส่วนของทางคดีนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนแล้ว คือ นายอ้น อายุ 15 ปี และน้องแตงโม อายุ 10 ปี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ฯ โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียหายคือ นางอุทัย เข้ามาแจ้งความกับตำรวจถูกน้องแตงโมเอาเงินไป 70,000 บาท แต่รายละเอียดทางคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะในทางกฎหมายมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ อยู่ ซึ่งการดำเนินการไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเด็กก็ได้รับสารภาพกับทางตำรวจและทีมสหวิชาชีพ และดำเนินการตามขั้นตอนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทุกคนต่างสั่งสอน และห้ามปรามไม่ให้ไปลักขโมยของคนอื่น แต่น้องแตงโมทำได้แค่รับปาก ลับหลังก็ไปปีนบ้านเข้าไปขโมยของขโมยเงินอยู่ จนติดเป็นนิสัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว เพราะยายเองก็อายุกว่า 90 ปี ทั้งหูตึง ทั้งเดินเหินลำบาก ขณะที่พี่สาวก็คอยสอนคอยเตือนว่าสิ่งที่แตงโมทำมันผิด มันทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่แตงโมก็ไม่ฟัง ไปอยู่ที่ไหนก็ลักขโมย เคยส่งไปโรงเรียนกินนอนต่างอำเภอก็ไปลักขโมยของในโรงเรียน ซึ่งพฤติกรรมของแตงโมหากอยู่ที่ไหนก็จะขโมยที่นั่น แม้ว่าครอบครัวจะสั่งสอนห้ามปรามไม่ให้ทำ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของแตงโมได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวแตงโมไปดัดนิสัย ถึงจะรักหลานมากขนาดไหนแต่ก็ยอมที่จะให้นำตัวไป เพราะอยู่ที่นี่ก็จะคอยเที่ยวลักขโมยอยู่อย่างนี้
ด้าน พ.ต.อ.นรวัฒน์ คำภิโล ผกก.สภ.เขาสวนกวาง กล่าวว่า ส่วนของทางคดีนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนแล้ว คือ นายอ้น อายุ 15 ปี และน้องแตงโม อายุ 10 ปี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ฯ โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียหายคือ นางอุทัย เข้ามาแจ้งความกับตำรวจถูกน้องแตงโมเอาเงินไป 70,000 บาท แต่รายละเอียดทางคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะในทางกฎหมายมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ อยู่ ซึ่งการดำเนินการไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเด็กก็ได้รับสารภาพกับทางตำรวจและทีมสหวิชาชีพ และดำเนินการตามขั้นตอนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่น้องแตกโมบอกกับผู้สื่อข่าวว่า นายอ้น อายุ 15 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เป็นคนสั่งให้ไปขโมยเงินมาและนำมาแบ่งกัน โดยนายอ้นได้นำไปซื้อทองให้แฟนสาวเป็นสร้อยทองและกำไรทอง ส่วนน้องแตงโมที่กล่าวอ้างว่านำเงินไปเปิดโรงแรมซื้อเบียร์ซื้อเหล้าและเนื้อย่างเลี้ยงแฟนสาว 10 คนนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะการขายเหล้าเบียร์ให้กับเด็กอายุ 10 ขวบก็ถือเป็นความผิด และการที่เด็ก 10 ขวบไปซื้อทองนั้น เจ้าของร้านทองก็ต้องเอะใจว่าเด็ก 10 ขวบทำไมจึงมีเงินไปซื้อ แต่ในขณะนี้ได้ดำเนินการตามกฎหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งหมด และในส่วนที่มีการแชร์บนโลกโซเชียลกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ผู้โพสต์เป็นอีกคนที่ไม่ได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งหากต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ก็ต้องแจ้งความตามขั้นตอน หากโพสต์ผ่านโซเชียลอย่างเดียวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น