สาวซาอุหนีคลุมถุงชน ไทยส่งกลับ หวั่นถูกฆ่า
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีหญิงสาวชาวซาอุดีอาระเบีย ถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ และร้องขอไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากหนีการแต่งงาน ไม่อยากถูกคลุมถุงชน และเกรงว่าหากกลับไปยังบ้านเกิดแล้วจะถูกฆ่า จึงขอลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย
พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางประเทศซาอุดิอาราเบียและประเทศไทย ทางประเทศที่ 3 ไม่เกี่ยว พร้อมยืนยันว่า ต้องติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง และไม่มีการส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากไม่มีอำนาจส่งไปยังประเทศอื่น
โดยในขณะนี้ทางสถานทูตซาอุดิอาระเบียประจําประเทศไทย ได้เข้ามาดูแลและให้การช่วยเหลือแล้ว แต่หญิงคนดังกล่าวเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยไม่มีวีซ่าจึงต้องถูกกักตัวไว้
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยถึงสาเหตุที่ ตม.สุวรรณภูมิ ปฏิเสธการเข้าเมืองของหญิงสาวชาวซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากไม่มีเอกสารการเข้าเมือง ไม่พบข้อมูลการจองห้องพักโรงแรม และการซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ พร้อมปฏิเสธไม่ใช่การควบคุมตัวไว้ที่โรงแรม ส่วนสาเหตุที่เธอเดินทางมาประเทศไทยเพราะถูกคลุมถุงชน จึงต้องการหนีการแต่งงาน เพราะกฎหมายซาอุฯ โทษฐานหนีแต่งงานค่อนข้างรุนแรง
ขณะนี้ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ไปพูดคุย ให้หญิงสาวคลายความกังวล โดยเธอยินยอมซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินคูเวต แอร์เวย์ส เที่ยวบินเวลา 11.15 น. ในวันนี้ (7 ม.ค.) แต่ล่าสุด หญิงสาวไม่ต้องการเดินทางไปประเทศคูเวต เจ้าหน้าที่ ตม. และผู้เกี่ยวข้องได้เข้าเจรจาที่โรงแรม แต่ยังไม่เป็นผล เธอจึงพลาดเที่ยวบินเมื่อเวลา 11.15 น. ไปแล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากหญิงสาวซาอุฯ หนีออกจากบ้าน ทางครอบครัวได้ประสานสถานทูตฯ และทางสถานทูตฯ ประสานมายังทางการไทย ขอเพิกถอนวีซ่าของเธอ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย จึงยื่นขอวีซ่าใหม่ แต่ถูกปฏิเสธ ประกอบกับมีอายุแค่เพียง 18 ปี จึงขาดคุณสมบัติในการอนุญาตให้เข้าประเทศ