โดยนางโนรี กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 15 กันยายน มีนักศึกษาโทรศัพท์มาขอเช่าห้องพัก 1 คืน ตนบอกไปว่ารีสอร์ทกำลังปิดปรับปรุง แต่เขาก็อ้อนวอนว่าไม่มีที่พักที่อื่นเพราะมากันมากประมาณ 40 คน ตนสงสารจึงยอมให้พักห้องรวม
"ฉันให้พนักงานจัดห้องรวมไว้ที่ห้องหมายเลข 302 และห้องหมายเลข 305 306 และ 307 จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. ได้มีรถบัสวิ่งเข้ามา และมีนักศึกษาลงมาจากรถ หลังจากนั้นรุ่นพี่ได้พารุ่นน้องทุกคนไปจุดธูปไหว้พระ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันนำสัมภาระเข้าที่พัก ช่วงนั้นเห็นรุ่นพี่พารุ่นน้องส่วนใหญ่เป็นชาย มีผู้หญิงเพียง 4-5 คนเท่านั้น เดินลงไปที่ชายหาด และพากันวิ่งไปมา ลงน้ำทะเล"
นางโนรี กล่าวอีกว่า ต่อมาในช่วงเที่ยงมีคนงานก่อสร้างมาบอกว่า เห็นนักศึกษาชายวิ่งตัวล่อนจ้อนอยู่บริเวณชายหาด
จึงไปบอกกับรุ่นพี่ว่า อย่าทำอย่างนี้มันไม่ดี เพราะถ้านักท่องเที่ยวมาเห็นจะว่าเอาได้ จนกระทั่งช่วงค่ำก็มาเล่นรอบกองไฟ ตนก็ไม่ได้คิดอะไร ตื่นมาเห็นอีกทีในเวลา 04.00 น.ของวันที่ 16 กันยายน ที่ชายหาดยังมีนักศึกษาวิ่งกันอยู่ แต่กองไฟมอดไปหมดแล้ว จนรุ่งเช้าก็สังเกตเห็นว่านักศึกษาคนหนึ่งมีร่องรอยเหมือนถูกไฟลวกที่บริเวณหน้าอก และตามร่างกาย แต่พอถามก็ไม่ตอบ
ผู้ดูแลรีสอร์ท กล่าวต่อว่า จากนั้นก่อนที่นักศึกษาจะเดินทางกลับ ในเวลาประมาณ 14.30 น. เห็นมีการหามนักศึกษาคนหนึ่งไปนอนอยู่ที่หน้าห้อง 206 และมีเพื่อนนักศึกษาจำนวนหนึ่งล้อมเอาไว้ พร้อมกับช่วยนำยาดมมาให้ดม ตนถามว่าเป็นอะไร ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นอะไร
"นักศึกษาที่มาดื่มสุรามาอย่างแน่นอน เพราะมีการนำขวดเหล้าเซี่ยงชุน ซึ่งดื่มกินหมดแล้ว มาทิ้งไว้ที่รีสอร์ทเป็นลัง นอกจากนั้นยังไปซื้อเหล้าขาวจากร้านค้าด้านนอกรีสอร์ทมาอีกเป็นลังเช่นกัน" นางโนรี กล่าว
ด้านนายแดง วันเพ็ญ อายุ 46 ปี คนงานก่อสร้างลำร่ารีสอร์ท เล่าให้ฟังว่า
ตอนที่นักศึกษามารับน้องกัน ช่วงหนึ่งเห็นนักศึกษาพากันปีนต้นมะพร้าว โดยใช้บันไดไม้ไผ่พาดขึ้นไป ซึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อหันไปอีกครั้ง ก็มีการหามนักศึกษาชายจากบริเวณต้นมะพร้าว มาวางไว้ที่ม้าหินอ่อนหน้าชายหาด และเห็นว่ามีร่องรอยบาดแผลเหมือนถูกไฟไหม้ที่บริเวณหน้าอกและตามขา ตนก็ถามไปว่าเป็นอะไร เขาก็ตอบกลับมาเสียงเบาๆ ว่า ”รุ่นพี่ให้กระโดดเข้ากองไฟ”
ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าเรื่องที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป
ได้รับการเปิดเผยจากอาจารย์ระดับผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่งว่า รุ่นพี่ที่พาน้องไปยังเรียนอยู่ ปวช.ปี 3 จำนวน 7 คน และมีรุ่นพี่ที่เรียนไม่จบด้วย เป็นการไปเที่ยวกันส่วนตัว ไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง เป็นลักษณะรุ่นพี่รุ่นน้องที่อยู่เส้นทางกลับบ้านทางเดียวกัน สนิทสนมคุ้นเคยกัน ชวนกันไป จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน หลังจบกิจกรรมกีฬาสีของโรงเรียน โดยผู้ปกครองและทางโรงเรียนไม่ทราบ สำหรับรายละเอียดทั้งหมดที่มีอยู่ได้ส่งให้กองปราบปรามหมดแล้ว
อาจารย์คนเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ที่ยังเรียนอยู่ในระดับ ปวช.ปี 1 มี 2 คน ทางโรงเรียนทำประกันอุบัติเหตุไว้ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัวนั้น ตรวจสอบแล้วว่าเรียนไม่จบ และได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารุ่นพี่ทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียนชัดเจน เนื่องจากโรงเรียนเคยชี้แจงให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบว่า จะไม่มีการรับน้อง หรือพาไปเที่ยว กรณีนี้ได้ทำผิดระเบียบและทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ดังนั้นจะต้องให้รุ่นพี่ทั้ง 7 คน พ้นสภาพนักเรียน แต่จะให้โอกาสได้สอบปลายภาคเรียนที่ 2 นี้ เพื่อจะได้นำผลการเรียนไปเรียนต่อที่อื่นได้ เบื้องต้นระงับการสอบไว้ก่อน แล้วนัดให้มาสอบวันที่ 28 กันยายนนี้" อาจารย์รายนี้กล่าว