เหยื่อรับน้องหมอผ่าแล้วไม่ฟื้นส่อเหมือนบิ๊ก-ดีทูบี

หมอผ่าตัดสมองเหยื่อรับน้องลุยไฟ แจ้งญาติให้ทำใจ อาจเป็นเจ้าชายนิทราเหมือน "บิ๊ก ดีทูบี"


ขณะที่รุ่นน้องอีกรายโผล่แจ้งความกองปราบฯ ระบุพฤติกรรมโหดให้กลิ้งบนทรายที่มีกองไฟใกล้มอดอยู่ด้านล่าง แถมใช้ช้อนกับส้อมเผาไฟนาบหน้าอก ขณะที่ผู้ดูแลรีสอร์ทระบุชัดเห็นนักศึกษาได้รับบาดเจ็บเหมือนถูกไฟลวก ไทยวิจิตรศิลปเริ่มเต้น ให้รุ่นพี่ 7 คนออก แต่ยังให้โอกาสสอบเสร็จก่อน


ความคืบหน้ากรณีรุ่นพี่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลปบังคับให้รุ่นน้องกลิ้งตัวบนกองไฟที่ยังไม่มอดสนิทจนทำให้ นายนิพนธ์ โตสิงห์ อายุ 17 ปี นายภาณุ บูชาตระกูล อายุ 15 ปี และนายนัด อายุ 16 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยนายนิพนธ์ มีอาการสาหัสยังไม่รู้สึกตัว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลประทาน แพทย์ต้องผ่าตัดสมอง ล่าสุดแพทย์แจ้งกับญาติว่านายนิพนธ์อาจต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราเหมือนนักร้องดัง "บิ๊ก ดีทูบี" ขณะที่ผู้ดูแลรีสอร์ทที่เกิดเหตุระบุชัดเจนว่าเห็นนักศึกษาได้รับบาดเจ็บเหมือนถูกไฟลวกขณะทำกิจกรรมรับน้องกันอยู่ในรีสอร์ท นอกจากนี้ยังมีรุ่นน้องเข้าแจ้งความที่กองปราบปรามเพิ่มอีก


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 กันยายน พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวน (สบ 3) และร.ต.ต.ณรงค์ชัย เอกฉันท์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปราม เดินทางไปขอพบนายทวีสิทธิ์ ฉิมฉลาด อาจารย์ฝ่ายปกค


เพื่อขอรายชื่อกลุ่มนักเรียนทั้งรุ่นพี่และรุ่นที่ไปร่วมรับน้องใหม่ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนายทวีสิทธิ์ ได้ให้รายชื่อไป 11 คน นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.5 กองปราบปราม ยังได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ทินกร รังมาตย์ รอง ผกก.5 บก.ป. ไปสอบปากคำเจ้าของรีสอร์ทที่เกิดเหตุไว้เป็นพยานแวดล้อมด้วย


ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน

นางวรรณกร สาขามุละ อยู่บ้านเลขที่ 78/21 หมู่ 19 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พานายตะวัน รุจิฉาย หรือเจ อายุ 17 ปี บุตรชาย นักเรียนชั้นปวช.1 แผนกออกแบบ โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป เข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับรุ่นพี่ของนายตะวัน ที่พานายตะวันไปรับน้องแล้วได้รับบาดเจ็บกลับมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนให้การ นางวรรณกรได้ให้บุตรชายถลกเสื้อให้ดูบาดแผล พบว่าบาดแผลส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณลำตัวและแขนขวา ลักษณะเป็นแผลพุพองเหมือนถูกของร้อนลวก นอกจากนี้ที่หน้าอกด้านซ้ายมีรอยแผลคล้ายถูกทาบด้วยของร้อน


นายตะวัน เปิดเผยว่า การรับน้องใหม่ดังกล่าวเป็นการรับน้องรถเมล์สาย 90 หมายถึงเฉพาะรุ่นน้องที่นั่งรถเมล์สายเดียวกันเวลาไปเรียนหนังสือ

โดยรุ่นพี่ได้นัดหมายรุ่นน้องในสายให้ไปพบกันที่สถานีรถไฟบางซ่อนในวันที่ 14 กันยายน โดยเมื่อไปถึงจุดนัดหมายก็มีรถบัสมารับ ซึ่งผู้ที่ไปด้วยกันเป็นเด็กปี 1 จำนวน 4 คน รุ่นพี่ปี 2 ทั้งหญิงชาย 7 คน ที่เหลือเป็นรุ่นพี่ปี 3 และรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว

"เมื่อมากันครบแล้วก็ออกเดินทางไปที่รีสอร์ทใน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างทางรุ่นพี่นำเหล้ามาให้ดื่ม ผมก็ดื่มเพื่อไม่ให้เสียมารยาทเท่านั้น กว่าจะถึงที่พักก็ค่ำแล้วจึงเข้านอนกันทั้งหมด พอเช้าวันรุ่งขึ้นรุ่นพี่ก็ปล่อยรุ่นน้องไปพักผ่อนเพื่อจัดเตรียมงานกิจกรรม กระทั่งมาถึงช่วงเย็นทางรุ่นพี่จึงได้เรียกเด็กรุ่นน้องทั้ง 4 คน มารวมกันแล้วให้แต่ละคนแยกย้ายไปกับรุ่นพี่คนละกลุ่ม ผมได้ไปกับรุ่นพี่ชั้นปี 2 และ 3 จากนั้นเมื่อทำกิจกรรมกลุ่ม ช่วงค่ำจึงมีการเล่นรอบกองไฟ ซึ่งรุ่นพี่จะสั่งให้รุ่นน้อง ทุกคนร้องเพลง ถ้าใครร้องไม่ได้ก็ให้วิ่งลงทะเล" นายตะวัน กล่าว


นายตะวัน กล่าวอีกว่า เมื่อเสร็จกิจกรรมกันแล้วรุ่นพี่ก็เรียกรุ่นน้องปี 1 ทั้ง 4 คน มายืนเรียงแถวหน้ากระดาน เอามือไขว้หลังแล้วทิ้งตัวไปกระแทกกับพื้นทราย ที่เรียกกันว่า “ทิ้งดิ่ง” หลายครั้ง

โดยขณะนั้นทุกคนเริ่มอยู่ในอาการมึนเมากันแล้ว จากนั้นก็ให้นอนกลิ้งอยู่บนกองทราย ซึ่งข้างล่างจะเป็นกองไฟที่เพิ่งมอดโดยเอาทรายกลบไว้แต่ก็ยังร้อนอยู่ พอนอนทับไปรู้สึกร้อนก็บอกรุ่นพี่ เขาก็พูดขึ้นมาว่าเพิ่งเอาทรายกลบไป 

“ตอนนั้นก็รู้สึกแสบร้อนจนเป็นแผลพอง ส่วนแผลที่อยู่หน้าอกนั้นเป็นแผลที่รุ่นพี่นำส้อมที่เผาไฟจนร้อนมานาบ ซึ่งก็มีทั้งช้อนและส้อมที่ใช้นาบหน้าอกน้องทุกคน เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วก็ถูกสั่งให้ไปอาบน้ำก่อนจะเข้านอนประมาณ 5 ทุ่ม ตอนนั้นก็ยังเห็นนายนิพนธ์เป็นปกติดี” นายตะวัน กล่าว


นายตะวัน กล่าวว่า ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 16 กันยายน รุ่นพี่มาให้ไปออกกำลังกาย ก่อนจะไปกินอาหารเช้า


ในช่วงนั้นเห็นว่านายนิพนธ์เริ่มมีอาการผิดปกติคือมือแข็ง ตาลอย และทำท่าจะล้ม บอกว่าปวดหัวมาก แต่รุ่นพี่คิดว่านายนิพนธ์คงเมาแล้วมีอาการแฮงก์ ก็เลยพาไปนอนในห้องแอร์ แต่ก็ไม่ดีขึ้นแถมหนักขึ้นเรื่อยๆ รุ่นพี่จึงไปหายาแก้ปวดมาให้กิน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นอีก


“เวลากินข้าวนายนิพนธ์ไม่ยอมกิน เอาแต่บ่นว่าปวดหัวตลอดเวลา ทำให้ทุกคนเริ่มตกใจ รุ่นพี่พยายามป้อนข้าวให้ก็กินไม่ได้ เอาข้าวไปต้มให้เหลวก็กินไม่ได้อีก เลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล” นายตะวัน กล่าว


นายตะวัน กล่าวต่อว่า หลังจากนำตัวนายนิพนธ์ส่งโรงพยาบาลแล้วรุ่นพี่ก็ให้รุ่นน้องที่เหลือเดินทางกลับกรุงเทพฯ

โดยก่อนจะแยกย้ายรุ่นพี่ก็อธิบายให้ฟังว่าที่ทำไปเพราะเป็นประเพณีที่ทำต่อกันมา และทำให้รุ่นน้องรับรู้ความรู้สึก เพราะนักเรียนโรงเรียนอื่นจะทำกับเรารุนแรงกว่านี้ แต่เรื่องที่เกิดกับนายนิพนธ์นั้นรุ่นพี่ก็ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น และพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้ เมื่อกลับถึงบ้านแม่ก็ถามถึงแผลตามตัวว่าไปทำอะไรมา ตนจึงเล่าให้ฟัง และเมื่อทราบข่าวนายนิพนธ์ แม่ก็เลยตัดสินใจพามาแจ้งความกับตำรวจ
 

ด้านนางวรรณกร กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้โทรศัพท์ไปถามทางโรงเรียนว่าทำไมถึงต้องรับน้องหนักขนาดนี้

แต่โรงเรียนแจ้งว่าไม่มีนโยบายให้มีกิจกรรมรับน้อง จึงถามไปว่าเมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นทางโรงเรียนจะรับผิดชอบอย่างไร แต่ทางโรงเรียนกลับบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้นักเรียนหยุดเรียนไปก่อนจนกว่าเรื่องจะเงียบ หรือเมื่อถึงเวลาสอบก็ให้มาสอบตามปกติ ก็เลยคิดว่าไม่มีความรับผิดชอบจึงมาแจ้งความ ส่วนลูกชายก็จะให้ย้ายไปเรียนที่อื่น


สำหรับอาการของนายนิพนธ์ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชลประทาน

โดยมีนายสมนึก โตสิงห์ นางบุญส่ง โตสิงห์ บิดามารดา และนายสุทิน ไม้จีน แม่บุญธรรม ดูแลอยู่นั้น นางสุทิน เปิดเผยว่า จากการผ่าตัดสมองโดย นพ.วสุวัฒน์ สุขี โดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 19 กันยายน พบว่ามีเลือดคั่งในสมอง ขณะนี้สามารถสื่อสารกันได้เป็นบางครั้ง
 

"แพทย์ให้ข้อมูลว่าอาการหลังการผ่าตัดสมองแล้ว อยู่ในภาวะ 50 : 50 ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายและจิตใจว่าจะสามารถต่อสู้กับอาการได้หรือไม่ และถึงแม้ว่าจะทำการผ่าตัดสมองเพื่อทำการรักษาไปแล้ว แพทย์ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะกลับมาเป็นสภาพแบบเดิมได้ โดยบอกว่าหากสถานการณ์เลวร้ายอาจจะมีสภาพเดียวกันกับบิ๊ก ดีทูบี" นางสุทิน กล่าว
 



วันเดียวกันผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ไปที่ลำร่ารีสอร์ท อ.ทับสะแก เพื่อสอบถามเหตุการณ์กับนางโนรี ราษฎร์เริงฤทธิ์ ผู้ดูแลรีสอร์ท


โดยนางโนรี กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 15 กันยายน มีนักศึกษาโทรศัพท์มาขอเช่าห้องพัก 1 คืน ตนบอกไปว่ารีสอร์ทกำลังปิดปรับปรุง แต่เขาก็อ้อนวอนว่าไม่มีที่พักที่อื่นเพราะมากันมากประมาณ 40 คน ตนสงสารจึงยอมให้พักห้องรวม


"ฉันให้พนักงานจัดห้องรวมไว้ที่ห้องหมายเลข 302 และห้องหมายเลข 305 306 และ 307 จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. ได้มีรถบัสวิ่งเข้ามา และมีนักศึกษาลงมาจากรถ หลังจากนั้นรุ่นพี่ได้พารุ่นน้องทุกคนไปจุดธูปไหว้พระ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันนำสัมภาระเข้าที่พัก ช่วงนั้นเห็นรุ่นพี่พารุ่นน้องส่วนใหญ่เป็นชาย มีผู้หญิงเพียง 4-5 คนเท่านั้น เดินลงไปที่ชายหาด และพากันวิ่งไปมา ลงน้ำทะเล"


นางโนรี กล่าวอีกว่า ต่อมาในช่วงเที่ยงมีคนงานก่อสร้างมาบอกว่า เห็นนักศึกษาชายวิ่งตัวล่อนจ้อนอยู่บริเวณชายหาด

จึงไปบอกกับรุ่นพี่ว่า อย่าทำอย่างนี้มันไม่ดี เพราะถ้านักท่องเที่ยวมาเห็นจะว่าเอาได้ จนกระทั่งช่วงค่ำก็มาเล่นรอบกองไฟ ตนก็ไม่ได้คิดอะไร ตื่นมาเห็นอีกทีในเวลา 04.00 น.ของวันที่ 16 กันยายน ที่ชายหาดยังมีนักศึกษาวิ่งกันอยู่ แต่กองไฟมอดไปหมดแล้ว จนรุ่งเช้าก็สังเกตเห็นว่านักศึกษาคนหนึ่งมีร่องรอยเหมือนถูกไฟลวกที่บริเวณหน้าอก และตามร่างกาย แต่พอถามก็ไม่ตอบ


ผู้ดูแลรีสอร์ท กล่าวต่อว่า จากนั้นก่อนที่นักศึกษาจะเดินทางกลับ ในเวลาประมาณ 14.30 น. เห็นมีการหามนักศึกษาคนหนึ่งไปนอนอยู่ที่หน้าห้อง 206 และมีเพื่อนนักศึกษาจำนวนหนึ่งล้อมเอาไว้ พร้อมกับช่วยนำยาดมมาให้ดม ตนถามว่าเป็นอะไร ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นอะไร


"นักศึกษาที่มาดื่มสุรามาอย่างแน่นอน เพราะมีการนำขวดเหล้าเซี่ยงชุน ซึ่งดื่มกินหมดแล้ว มาทิ้งไว้ที่รีสอร์ทเป็นลัง นอกจากนั้นยังไปซื้อเหล้าขาวจากร้านค้าด้านนอกรีสอร์ทมาอีกเป็นลังเช่นกัน" นางโนรี กล่าว


ด้านนายแดง วันเพ็ญ อายุ 46 ปี คนงานก่อสร้างลำร่ารีสอร์ท เล่าให้ฟังว่า

ตอนที่นักศึกษามารับน้องกัน ช่วงหนึ่งเห็นนักศึกษาพากันปีนต้นมะพร้าว โดยใช้บันไดไม้ไผ่พาดขึ้นไป ซึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อหันไปอีกครั้ง ก็มีการหามนักศึกษาชายจากบริเวณต้นมะพร้าว มาวางไว้ที่ม้าหินอ่อนหน้าชายหาด และเห็นว่ามีร่องรอยบาดแผลเหมือนถูกไฟไหม้ที่บริเวณหน้าอกและตามขา ตนก็ถามไปว่าเป็นอะไร เขาก็ตอบกลับมาเสียงเบาๆ ว่า ”รุ่นพี่ให้กระโดดเข้ากองไฟ”


ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าเรื่องที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป

ได้รับการเปิดเผยจากอาจารย์ระดับผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่งว่า รุ่นพี่ที่พาน้องไปยังเรียนอยู่ ปวช.ปี 3 จำนวน 7 คน และมีรุ่นพี่ที่เรียนไม่จบด้วย เป็นการไปเที่ยวกันส่วนตัว ไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง เป็นลักษณะรุ่นพี่รุ่นน้องที่อยู่เส้นทางกลับบ้านทางเดียวกัน สนิทสนมคุ้นเคยกัน ชวนกันไป จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน หลังจบกิจกรรมกีฬาสีของโรงเรียน โดยผู้ปกครองและทางโรงเรียนไม่ทราบ สำหรับรายละเอียดทั้งหมดที่มีอยู่ได้ส่งให้กองปราบปรามหมดแล้ว


อาจารย์คนเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ที่ยังเรียนอยู่ในระดับ ปวช.ปี 1 มี 2 คน ทางโรงเรียนทำประกันอุบัติเหตุไว้ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัวนั้น ตรวจสอบแล้วว่าเรียนไม่จบ และได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว


"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารุ่นพี่ทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียนชัดเจน เนื่องจากโรงเรียนเคยชี้แจงให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบว่า จะไม่มีการรับน้อง หรือพาไปเที่ยว กรณีนี้ได้ทำผิดระเบียบและทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ดังนั้นจะต้องให้รุ่นพี่ทั้ง 7 คน พ้นสภาพนักเรียน แต่จะให้โอกาสได้สอบปลายภาคเรียนที่ 2 นี้ เพื่อจะได้นำผลการเรียนไปเรียนต่อที่อื่นได้ เบื้องต้นระงับการสอบไว้ก่อน แล้วนัดให้มาสอบวันที่ 28 กันยายนนี้" อาจารย์รายนี้กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์