ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า จากการเรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งหมด ให้เสาะหารูปพรรณของกลุ่มคนร้าย ในกล้องวงจรปิดทุกเส้นทาง แม้แต่รัานสะดวกซื้อ โดยในช่วงเย็นของวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เราได้เรียกกลุ่มทีมงานที่ปรึกษานายกฯ ที่ได้ลาออกพร้อมนางสายันต์มาสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นทางด้านการเมือง และเรื่องการลาออกของนางสายันต์ ว่ามีการขัดแย้งมากน้อยเพียงใด ในส่วนของปมหนี้ 10 ล้านบาทนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่แน่ชัด มีเพียงการพูดถึงเท่านั้น แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะสาวถึง แต่พนักงานสอบสวนก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง
ส่วนที่วัดคลองหาด 1 ได้มีการเตรียมงานจัดตั้งเต้นท์ จัดสถานที่ภายในศาลาจัดตั้งศพนางสายันต์ โดยมีเพียงญาติและผู้ใกล้ชิดมาดำเนินการ ซึ่งได้ตั้งที่ศาลาสายันต์ จันทรา ซึ่งเป็นศาลาที่นางสายันต์ได้ดำเนินการก่อสร้างให้แก่วัดคลองหาด 1 มูลค่าก่อสร้างกว่า 11 ล้านบาท เพิ่งจะแล้วเสร็จ โดยจะจัดงานยกช่อฟ้าศาลาหลังนี้ ในเดือน เม.ย.นี้ โดยจะรดน้ำศพในเวลา 16.00 น.วันนี้
นายสมพร จันทรา อายุ 57 ปี น้องชายของนางสายันต์ ที่มาคอยดูแลจัดสถานที่ในวัด กล่าวว่า ตนก็เป็นตำรวจ แต่ก็ได้ลาออกมาหลายปีแล้ว เพราะนางสายันต์ให้ออกมาช่วยดูแลกิจการที่ตลาดโรงเกลือ ตอนนี้ก็กำลังลังก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์ 400 ห้อง ซึ่งแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว โดยปล่อยให้ลูกสาวดูแลทั้งหมด ในส่วนของพี่น้องได้พูดคุยกันแล้ว ประเด็นชิงทรัพย์นั้น คิดว่าคงไม่ประสงค์ต่อทรัพย์เพราะสร้อยคอของนางสายันต์ยังสวมใส่เอาไว้ ไม่ได้โดนปลดออกเลย และนางสายันต์ก็มีแต่ให้ ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ใจดีมาก ลูกหลานเคยบอกให้เลิกยุ่งเรื่องการเมือง แต่นางสายันต์ชอบและไม่เคยระวังตัว คงคิดว่าไม่มีศัตรู ส่วนเรื่องอื่นก็ขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจดำเนินการ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายชุดนี้ คาดว่าจะเป็นคนมีสีที่เชี่ยวชาญในการใช้มีด เพราะมีดที่หักตกหล่นไว้คล้ายมีดสปาตาร์ หรือมีดเดินป่า ต้องผู้ชำนาญจริงๆ ในส่วนประเด็นเงินหนี้ 10 ล้านนั้น ได้ให้นักการเมืองผู้หนึ่งกู้ โดยให้ดอกร้อยละ 1 บาท โดยจ่ายให้มาเพียงดอกบางส่วนเท่านั้น และก็ไม่เคยจ่ายให้มาอีกเลย และเป็นที่ทราบกันดีว่าในตลาดคลองหาด จนเมื่อนางสายันต์ลาออกมาแล้ว จึงมีการทวงเงินกันขึ้นอีก ซึ่งเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ได้ไปทวงเงิน และก็มีการบ่ายเบี่ยงเหมือนเดิม โดยนายพิพัฒน์อาจจะกล่าวข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องก็เป็นได้