ตาวัย 84 ปีสำนักผิดมอบตัวฆ่าหลานฝังดิน เหตุไม่ทำมาหากิน ชอบขโมย

จากนั้น ร.ต.อ.พิทักษ์ ได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.จาตุรนต์ ตระกูลปาน ผกก.สภ.แก้งคร้อ และพ.ต.ท.นิวัต ศิลปะชีวสันติ รองผกก.สภ.แก้งคร้อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสกู้ภัยและแพทย์เวรจาก รพ.แก้งคร้อ ได้ดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในไร่มันสำปะหลังทันที

นายมี ให้การว่านายนพรัตน์เป็นลูกของลูกสาว ตนนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กจนโตเป็นหนุ่มวัยรุ่น เนื่องจากแม่ผู้ตายนั้นไปทำงานต่างประเทศ ผู้ตายไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มักจะแอบขโมยข้าวเปลือกไปขายเอาเงินไปเที่ยวเตร่เป็นประจำที่ผ่านมาตนได้ว่ากล่าวตักเตือนมาตลอดไป จนวันเหตุตนมีปากเสียงทะเลาะกับหลานชายทางโทรศัพท์อย่างรุนแรงพอตกหัวค่ำนายนพรัตน์ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาตนที่บ้านพร้อมมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ปรี่เข้ามาหาตน ตะโกนว่าไอ้แก่วันนี้เป็นวันตายของมึง ตนเห็นหลานชายตะโกนขู่ฆ่าพร้อมกับวิ่งถือมีดปรี่มาหาง จึงได้ตัดสินใจหยิบอาวุธปืนสั้นลูกซองไทยประดิฐษ์ ยิงสวนไปเพื่อป้องกันตัว 1 นัด ปรากฏว่ากระสุนเจาะเข้าบริเวณหน้าอกของหลานชายขาดใจตายในที่เกิดทันที หลังจากนั้นเกิดกลัวความผิดจึงได้ตัดสินใจลากศพหลานชายไปฝังในไร่มันสำปะหลังและนำปืนไปฝังดินในที่นา และใช้ฟางก่อไฟเผากองเลือดที่เกิดตามรอยลากศพไปทั้งหมด เพื่อทำลายหลักฐานดังกล่าว 

ทั้งนี้ตำรวจได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้นอำพรางศพและครอบครองหรือมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป