ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้นปลูกติดกันหลายหลัง ภายในบ้านหลังดังกล่าว บริเวณโซฟารับแขกชั้นล่าง พบศพ น.ส.อารีย์ พัฒนวิทยากุล อายุ 58 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา นอนตะแคงเสียชีวิตจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงตามลำตัว 4 นัด ใกล้กันพบศพนายแหลมทอง กังวาฬไพสรรค์ อายุ 77 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว นั่งจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ทำงาน โดยที่มือขวากำอาวุธปืนสั้น ลูกโม่ ขนาด.38 มีบาดแผลถูกอาวุธปืนที่ขมับขวาทะลุซ้าย ห่างไปบริเวณด้านหลังศพนายแหลมทองพบปลอกกระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 4 ปลอกตกอยู่ และที่พื้นกลางตัวบ้านพบหัวกระสุนปืนขนาด.38 ตกอยู่ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตรที่ รพ.ศิริราช
ร.ต.อ.เริงศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน พักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับลูกอีก 2 คน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมา ทางภรรยาไปลงทุนทำธุรกิจเสื้อผ้าเกิดประสบปัญหาขาดทุน จนต้องขายกิจการทิ้ง ทำให้สามีเก็บเอามาคิดโทษความผิดว่าภรรยาทำให้ธุรกิจเจ๊ง ประกอบกับเจ้าตัวมีโรคประจำตัวและมีโรคเครียดเข้ามารุมเร้า ทำให้มีปากเสียงกับภรรยามาเกือบ 1 ปี ต่อมาระยะ 4 เดือนหลังมานี้ไม่พูดคุยกัน โดยก่อนเกิดเหตุลูกชายเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวยังพบว่าทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติ ต่อมาลูกชายออกไปทำธุระข้างนอกบ้าน จนมาทราบภายหลังว่าพ่อใช้ปืนยิงแม่ ก่อนยิงตัวตายดังกล่าว
นางประกาย ดีไพร อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ตนกำลังนอนอยู่ภายในบ้าน จู่ๆ ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 4 ครั้ง โดย 3 ครั้งแรกได้ยินเสียงดังติดกัน และห่างกันอีกประมาณ 5-10 นาที ดังขึ้นอีก 1 ครั้ง ตนคิดว่าคงเป็นเสียงประทัดธรรมดาไม่มีอะไร จนลูกชายคนเล็กของผู้ตายกลับมาจากทำงาน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงรู้ว่าเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต ปกติผู้เสียชีวิตทั้งคู่เป็นคนอัธยาศัยดี ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เมื่อช่วงบ่ายยังเห็นนายแหลมทองออกมาตากเสื้อผ้าตามปกติ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนพยานแวดล้อมอย่างละเอียดอีกครั้ง ตลอดจนรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป