เปิดใจอดีตเมียยากูซ่า ไม่รู้หนีคดีมาไทย
อดีตภรรยาหัวหน้าแก๊งยากูซ่าเปิดใจกับ "นิว18"จดทะเบียนสมรสตอนไปทำงานญี่ปุ่นเพื่อหวังวีซ่า ไม่รู้เป็นยากูซ่าหนีคดีมาไทย ให้ที่พักเพราะสงสารแก่แล้ว เผยไม่เจอกัน 2 ปีหลังฝ่ายชายออกไปอยู่ศาลเจ้า
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.นางอริสรา อรัญเวชภัณฑ์ อายุ 57 ปี อดีตภรรยาชาวไทยของ นายชิเกฮารุ ชิเรอิ สัญชาติญี่ปุ่น หัวหน้าแก๊งยามากูชิแก๊งยากูซ่าของญี่ปุ่น ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมในประเทศญี่ปุ่นหลบหนีมาที่ประเทศไทย เปิดใจกับทีมข่าวนิว18 ถึงนายชิเกฮารุ ว่า
รู้จักกันที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ตนเดินทางไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนายชิเกฮารุเป็นลูกค้าประจำของร้านและรู้จักกับเจ้าของร้าน ตอนนั้นตนเองต้องการวีซ่าเพื่ออยู่ทำงานต่อ จึงจดทะเบียนสมรสกับนายชิเกฮารุเพื่อจะได้วีซ่าที่นานขึ้น แต่ยืนยันไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และเมื่อตนเองเดินทางกลับประเทศไทย ก็มาประกอบอาชีพเปิดห้องพักให้เช่า ตอนที่นายชิเกฮารุเดินทางมาที่ประเทศไทย ได้เดินทางมาที่ลพบุรีแวะมาหา โดยบอกว่าเดินทางมาท่องเที่ยว ยอมรับนายชิเกฮารุ เคยมาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ช่วยงานบ้านทั่วไป โดยให้ที่พักเพราะเคยช่วยเหลือกันและเห็นว่านายชิเกฮารุอายุเยอะแล้ว ก่อนที่ 2 ปีก่อนจะออกไปอยู่ที่บริเวณศาลเจ้าแล้วไม่เคยเจอกันอีกเลย
นางอริสรา กล่าวต่อว่า ไม่รู้ว่านายชิเกฮารุเป็นยากูซ่าเพราะตอนที่เจอที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่มีท่าทางหรือมีลูกน้องติดตามแบบยากูซ่าที่เคยเห็น นอกจากนี้ตนก็ไม่รู้เรื่องชีวิตครอบครัว เรื่องส่วนตัวใดๆของนายชิเกฮารุ ส่วนนิสัยใจคอดูเป็นคนใจดี ไม่ได้ดูโหดร้ายแบบแก๊งยากูซ่า และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าการที่นายชิเกฮารุมาอยู่ที่ประเทศไทยจะเป็นการหลบหนีคดี นอกจากนี้ยังไม่เคยเห็นเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาหานายชิเกฮารุแต่อย่างใด แต่เมื่อหลายปีก่อนนายชิเกฮารุ เคยไปช่วยงานที่ร้านอาหารของเพื่อนมีคนญี่ปุ่นให้เงิน แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่เงินจากเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เป็นแก๊งยากูซ่าด้วยกัน
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.นางอริสรา อรัญเวชภัณฑ์ อายุ 57 ปี อดีตภรรยาชาวไทยของ นายชิเกฮารุ ชิเรอิ สัญชาติญี่ปุ่น หัวหน้าแก๊งยามากูชิแก๊งยากูซ่าของญี่ปุ่น ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมในประเทศญี่ปุ่นหลบหนีมาที่ประเทศไทย เปิดใจกับทีมข่าวนิว18 ถึงนายชิเกฮารุ ว่า
รู้จักกันที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ตนเดินทางไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนายชิเกฮารุเป็นลูกค้าประจำของร้านและรู้จักกับเจ้าของร้าน ตอนนั้นตนเองต้องการวีซ่าเพื่ออยู่ทำงานต่อ จึงจดทะเบียนสมรสกับนายชิเกฮารุเพื่อจะได้วีซ่าที่นานขึ้น แต่ยืนยันไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และเมื่อตนเองเดินทางกลับประเทศไทย ก็มาประกอบอาชีพเปิดห้องพักให้เช่า ตอนที่นายชิเกฮารุเดินทางมาที่ประเทศไทย ได้เดินทางมาที่ลพบุรีแวะมาหา โดยบอกว่าเดินทางมาท่องเที่ยว ยอมรับนายชิเกฮารุ เคยมาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ช่วยงานบ้านทั่วไป โดยให้ที่พักเพราะเคยช่วยเหลือกันและเห็นว่านายชิเกฮารุอายุเยอะแล้ว ก่อนที่ 2 ปีก่อนจะออกไปอยู่ที่บริเวณศาลเจ้าแล้วไม่เคยเจอกันอีกเลย
นางอริสรา กล่าวต่อว่า ไม่รู้ว่านายชิเกฮารุเป็นยากูซ่าเพราะตอนที่เจอที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่มีท่าทางหรือมีลูกน้องติดตามแบบยากูซ่าที่เคยเห็น นอกจากนี้ตนก็ไม่รู้เรื่องชีวิตครอบครัว เรื่องส่วนตัวใดๆของนายชิเกฮารุ ส่วนนิสัยใจคอดูเป็นคนใจดี ไม่ได้ดูโหดร้ายแบบแก๊งยากูซ่า และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าการที่นายชิเกฮารุมาอยู่ที่ประเทศไทยจะเป็นการหลบหนีคดี นอกจากนี้ยังไม่เคยเห็นเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาหานายชิเกฮารุแต่อย่างใด แต่เมื่อหลายปีก่อนนายชิเกฮารุ เคยไปช่วยงานที่ร้านอาหารของเพื่อนมีคนญี่ปุ่นให้เงิน แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่เงินจากเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เป็นแก๊งยากูซ่าด้วยกัน
Cr::newtv.co.th
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น