ไฟไหม้กลางเมืองสุพรรณ

ต้นเพลิงเกิดจากโรงค้าไม้แล้วโหมลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดช่วงโรงเรียนเลิก ทำให้สภาพการจราจรติดหนึบ ไฟฟ้าดับโกลาหลกันทั้งเมือง เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 ก.ย. ร.ต.ท.นวพล ครามวิชิตกุล ร้อยเวร สภ.อ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงไม้ชื่อ "ประสานค้าไม้" ตั้งอยู่เลขที่ 525 ริมถนนมาลัยแมน เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ใกล้กับหอนาฬิกาบรรหาร-แจ่มใส และศูนย์ขายรถจักร ยานยนต์ฮอนด้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต. ปราโมทย์ ไทรหอมหวล ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกอบจ.สุพรรณบุรี นายเอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และรถดับเพลิงจากสถานที่ต่าง ๆ กว่า 30 คัน

มีทั้งร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ร้านข้าวต้ม ร้านขายแอร์ และร้านขายเสื้อผ้า ส่งผลให้บรรดาเจ้าของร้านค้าต่างหอบลูกจูงหลาน ขนย้ายทรัพย์สินมีค่าหนีเปลวเพลิงกันอย่างโกลาหล เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำอย่างหนัก เนื่องจากมีลมกระโชกแรง และเพลิงพยายามลุกลามไปยังปั๊มน้ำมันเชลล์ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ทำให้ต้องขยับรถดับเพลิงไปจอดรอไว้หลังปั๊มฯเพื่อคอยสกัดเพลิง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาฉีดน้ำกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลง ทิ้งไว้แต่ร่องรอยความเสียหายของโรงค้าไม้และบรรดาร้านค้ากว่า 20 ห้อง ถูกเพลิงเผาผลาญเสียหายเหลือแต่ตอ เบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายวัลลภ จงสมจิตต์เจริญ เป็นน้องชายของนายวีรศักดิ์ จงสมจิตต์เจริญ อายุ 44 ปี  เจ้าของโรงไม้ดังกล่าว ถูกไฟลวกที่แขนบาดเจ็บเล็กน้อย
 
สอบสวนนายวีรศักดิ์เจ้าของโรงค้าไม้ต้นเพลิง กล่าวว่า

ช่วงเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน มีเพียงน้องชายกับแม่และลูกจ้าง 4-5 คน อยู่ในร้าน ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ขณะที่ พล.ต.ต.ปราโมทย์กล่าวว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นช่วงการจราจรคับคั่ง

เนื่องจากโรงเรียนเลิก ทำให้การจราจรในตัวเมืองสุพรรณบุรีติดขัดอย่างหนัก รถยนต์ไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ และกระแสไฟฟ้าดับทั้งเมือง โดยขณะเกิดเหตุนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี ได้มาบัญชาการดับเพลิงด้วยตนเอง พร้อมสั่งการให้เทศบาลฯและเหล่ากาชาดจังหวัด เตรียมจัดหาที่อยู่ให้แก่ผู้ประสบภัยทุกครัวเรือน นอกจากนี้ในเวลา 18.30 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ประสบภัย พร้อมทั้งกำชับให้ทางจังหวัดและเทศบาลดูแลช่วยผู้เดือดร้อนอย่างเต็มที่ สำหรับเพลิงไหม้ ครั้งนี้คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท.