ซึ่งจากการสอบปากคำปรากฏว่า จำเลยทั้ง 4 รายได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยศาลได้กำหนดวันนัด เพื่อส่งคดีเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองสิทธิและตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 6 ก.พ. 61 เวลา 13.30 น. ตามที่คู่ความทุกฝ่ายมีวันว่างตรงกัน ส่วนการออกหมายขังนั้น เนื่องจากศาลออกหมายขังระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ไว้แล้ว จึงให้ใช้หมายขังดังกล่าวต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 - 4 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณา จึงให้งดออกหมายขังระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 - 4 และศาลมีคำสั่งให้มีหนังสือแจ้งสิทธิและนัดผู้เสียหายมาศาลในวันดำเนินกระบวนการคุ้มครองสิทธิและตรวจพยานหลักฐาน โดยมีพ่อแม่ญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อยพากันมาร่วมสังเกตการณ์อยู่ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ด้วย ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้กองเหน่งลงมาขึ้นรถยนต์ มีการใส่โซ่ตรวนอย่างแน่นหนา
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ ผอ. อ้อย กล่าวว่า ตนมาที่ศาลในวันนี้เพื่อต้องการรับทราบความคืบหน้าของการพิจารณาคดี ซึ่งตนคาดคิดมาก่อนแล้วว่า ผู้กองเหน่งจะต้องปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอยู่แล้ว ตนอยากฝากไปถึงผู้กองเหน่งว่า ลูกผู้ชายชาติทหาร เมื่อกล้าทำต้องกล้ารับผิดชอบต่อการกระทำของตน ขณะนี้ตนได้ทราบข่าวว่า ผู้กองเหน่งแม้ว่าจะถูกคุมขังมานานหลายเดือนแล้ว แต่มีข่าวว่า ยังคงรับเงินเดือนและยังไม่ได้ถูกให้ออกจากราชการแต่อย่างใด ตนขอฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นของผู้กองเหน่งด้วยว่า ขอให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้กองเหน่งอย่างเด็ดขาดด้วย เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของกองทัพไทย
ทางด้าน นายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้านโนนเจริญ อาของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ขณะนี้ ทีมทนายความที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ นำโดย นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ ได้เสนอศาลขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้แล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในคดีนี้อย่างเต็มที่ จนกว่าศาลจะพิพากษาคดีลงโทษคนร้ายตามกฎหมายที่กำหนดไว้สูงสุดต่อไป ซึ่งจากพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมไว้แจ้งให้ตนทราบว่า คดีนี้มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดผู้ถูกกล่าวหาได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์