ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้น มีประชาชนยืนจับกลุ่มมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก ที่หน้าบ้านพบรถตู้สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน 4กษ 3876 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ ที่ประตูด้านคนขับ พบศพ นายทันกรณ์ เชื้อวงศ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 12 ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. ที่หน้าผากทะลุท้ายทอย จำนวน 1 นัด ในสภาพนอนคว่ำหน้าไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว โดยเท้าพาดอยู่บนรถ มีเลือดกระเด็นติดเบาะคนขับ ใกล้กันพบศพ นางจีระนันท์ ดีเอม อายุ 38 ปี ในสภาพสวมเสื้อคอกลมลายดอก กางเกงขายาวสีดำ อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 12 ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งถูกยิงเข้าทีราวนมด้านซ้าย เลือดสาดกระเด็นที่ท้ายรถ
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 11 มม. ตกอยู่จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เพื่อเป็นหลักฐาน สอบสวน นายพิพัฒน์ แสงลอย อายุ 35 ปี ชาว จ.สระบุรี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและผู้ที่เสียชีวิตทั้งสองราย รวมทั้ง นายสนั่น (หรือแอ่ว) ดีเอม อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพ่อของนางจีระนันท์ และเป็นพ่อตาของนายทันกรณ์ มือปืนที่กระหน่ำยิงลูกสาวและลูกเขยของตนเอง ได้นั่งดื่มสุรากันที่ใต้ถุนบ้าน เมื่อดื่มไปได้สักพักนายสนั่นได้รื้อฟื้นเรื่องการจำนองที่ดินของตนเองกับนายทันกรณ์ ลูกเขย ที่ยืมโฉนดไปจำนอง ซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง เริ่มมีปากเสียง และเสียงดังด่าทอกันลั่นบ้าน
นางจีระนันท์ลูกสาวเห็นท่าไม่ดี เนื่องจากพ่อของตนเองมีนิสัยนักเลง และเคยต้องคดีฆ่าคนตายจึงได้จูงมือสามีเพื่อหนีขึ้นรถ ทันใดนั้นนายสนั่นเดินตามมาจ่อยิงนายทันกรณ์ ที่หน้าผาก 1 นัด เสียชีวิตคาที่ นางจีระนันท์ ลูกสาว ซึ่งตกใจสุดขีดไม่คิดว่าพ่อจะกล้าลงมือกับสามีตัวเอง จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสนั่นได้ห้ามลูกสาวอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ลูกสาวก็ยังรั้นถ่ายอยู่ นายสนั่นจึงได้บันดาลโทสะลั่นไกสังหารลูกสาวตัวเองเสียชีวิตตามสามีอีกศพ จากนั้นนายสนั่นได้ฉวยโอกาสคว้าจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป
ทั้งนี้ ร้อยเวรสอบสวนได้บันทึกสถานที่เกิดเหตุพร้อมทั้งได้ประสานตำรวจชุดสืบสวนเร่งติดตามนายสนั่น หรือแอ๋ว มือปืนโหดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองให้ได้ และขอให้ใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนติดตัว โดยได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองรายนำส่งพิสูจน์ที่ รพ.พระนารายณ์มหาราช อีกครั้ง ก่อนที่จะได้ประสานญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป