คุก”หญิงไก่” 3 ปี ชดใช้อีก 6 แสน ผิดคดีค้ามนุษย์
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คม.86/2559 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนางมณตา หรือหญิงไก่ หยกรัตน กาญ เป็นจำเลยในความผิดฐานค้ามนุษย์ คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2559 โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนางมณตา จากทัณฑสถานหญิงกลางมารับฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้รับผู้เสียหายทั้ง 3 คนเข้าทำงาน ระหว่างทำงานจำเลยได้มอบเงินให้ผู้เสียหายเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย โดยไม่จ่ายเงินเดือนให้ตามจำนวนที่ได้ตกลงไว้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
จากนั้นผู้เสียหายที่ 1 ยินยอมทำงานชดใช้เงินค่าเทอมที่จำเลยจ่ายค่าเรียนให้ โดยไม่ได้ตกลงค่าตอบแทนกัน ทั้งนี้จำเลยไม่ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ โดยผู้เสียหายที่ 1 ทำงาน ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. นาน 4 ปี ทั้งนี้ได้ความจากเพื่อนของผู้เสียหายที่เป็นลูกจ้างทำงานด้วยกันว่า ในการทำงานบ้านจะทำเสร็จเวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้เสียหายที่ 1 อ้าง กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายที่ 1 จะต้องทำงานตั้งแต่ 05.00-22.00 น.
ศาลเห็นว่าผู้เสียหายที่ 1 กับจำเลยไม่ได้ตกลงเงินค่าจ้างกัน รวมถึงจำเลยไม่ได้ยึดบัตรประชาชนผู้เสียหายและได้ออกค่าเทอมให้ ขณะที่ผู้เสียหายก็ยินยอมทำงานเพื่อใช้หนี้ ค่าเทอม จึงไม่ผิดตามคำฟ้อง
กรณีน.ส.ขวัญจิรา จิรสกุลโชคชัย อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 เบิกความว่า เดินทางไปทำงานกับจำเลย ตามคำชักชวนของเพื่อน จำเลยบอกว่าให้ค่าจ้างเดือนละ 4,500 บาท โดยจะพามาพักอยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่เป็นลูกจ้างอีกหลายคน ในทุกวันจะต้องตื่นนอน 04.00 น. เพื่อจัดเสื้อผ้า หาอาหารให้บุตรของจำเลย จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องพักของจำเลย โดยจำเลยให้เงินเดือนไว้ใช้เดือนละ 1,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายที่ 3 ไม่อยากทำงานกับจำเลยแล้ว จึงเล่าให้บิดาฟังและ ขออนุญาตกลับบ้าน
ในส่วนของผู้เสียหายได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า จำเลยข่มขู่ว่าถ้าผู้เสียหายกลับบ้านจะให้ตำรวจจับบิดา มารดา ภายหลังจำเลยก็ยินยอมให้กลับ และระหว่างทำงานจำเลยก็ไม่ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ จากคำให้การในชั้นสอบสวนของบิดาผู้เสียหายที่ 3 ก็ไม่มีข้อความใดที่ให้การว่าจำเลยพูดด่าหรือข่มขู่ว่าจะให้ตำรวจไปจับตัว ประกอบกับก่อนที่ผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยยังพาไปเที่ยวที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยบังคับข่มขู่ จึงไม่ผิดตามคำฟ้อง
กรณีน.ส.กาญจนา ปองลาภสุนทร ผู้ เสียหายที่ 2 เบิกความว่าได้มาทำงานเป็นแม่บ้านกับจำเลยเพราะมีเพื่อนชักชวน จำเลยได้เดินทางมาที่บ้านผู้เสียหายที่ จ.แม่ฮ่องสอน บอกว่าจะให้ค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท และจะส่งเรียนพยาบาล ผู้เสียหายที่ 2 ตกลงมาทำงาน จำเลยมอบเงิน 5,000 บาท ให้กับบิดามารดาผู้เสียหายที่ 2 ด้วย เมื่อได้มาทำงานที่บ้านของจำเลยแล้ว จำเลยได้ขอบัตรประชา ชนของผู้เสียหายที่ 2 มาเก็บไว้ และจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้
เมื่อพิจารณาจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2 ประกอบบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวน ปรากฏว่าผู้เสียหายที่ 2 ให้ถ้อยคำไว้ในทำนองเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าเบิกความไปตามที่ผู้เสียหายได้ประสบมาจริง เห็นว่าการที่จำเลยรับผู้เสียหายที่ 2 มาทำงาน โดยอ้างว่าจะส่งให้เรียนพยาบาล แต่เมื่อผู้เสียหายที่ 2 มาทำงานเป็นแม่บ้าน จำเลยกลับไม่ส่งเรียนพยาบาล และไม่ให้เงินเดือนตามจำนวน ที่ตกลงกันไว้ และการที่จำเลยยึดบัตรประชาชนมาเก็บไว้ก็ส่อแสดงว่า ใช้อำนาจ มิชอบ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดย มิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6, 52 วรรคหนึ่ง ให้จำคุก 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้วันที่ 6 มิ.ย. 2560 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก หญิงไก่ รวม 7 ปี 6 เดือน ฐานหมิ่นเบื้องสูงมาแล้ว