หลานสาวเผยพิรุธจากไลน์ “ผอ.อ้อย” ญาติเตรียมเข้าลาวพิสูจน์ศพปริศนา
จากกรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา นานร่วม 2 เดือนแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กองปราบปรามร่วมกับญาติพี่น้องได้ช่วยกันติดตามหาอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 29 ส.ค. ที่บ้านเลขที่ 65 บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ น้องปุยฝ้าย ซึ่งเป็นหลานสาวของ น.ส.จุฑาภรณ์ ได้เปิดเผยข้อมูลในไลน์ที่มีการสนทนากับน้าอ้อย หรือ น.ส.จุฑาภรณ์ หลังจากที่ น.ส.จุฑาภรณ์ได้หายตัวไปแล้ว โดยข้อความในไลน์ น้องปุยฝ้ายได้มีการสอบถามว่า ขณะนี้อยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน
ซึ่งไลน์ของ ผอ.อ้อย ได้ตอบว่า อยู่ที่เชียงใหม่ ไม่สบายใจจึงหนีมา ซึ่งผู้ที่ใช้นามว่าอ้อย ได้แจ้งว่า ขอให้นำเงินเดือนที่ อบต.ชำ ส่งมาให้ด้วย แต่เมื่อน้องปุยฝ้าย ตอบว่าเงินเดือนของน้าอ้อยโอนเข้าบัญชีไปหมดแล้ว เพราะทุกเดือนเขาจะมีการโอนเงินเดือนเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งทำให้น้องปุยฝ้ายสงสัยว่า ใช่น้าอ้อยหรือไม่ที่ตอบไลน์นี้ และต่อมาผู้ที่ใช้นามว่าอ้อย ได้ขอยืมเงินจากน้องปุยฝ้าย จำนวน 20,000 บาท ซึ่งน้องปุยฝ้ายก็บอกว่า จะเอาเงินไปทำอะไร ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะ ผอ.อ้อยไม่เคยยืมเงินใคร มีแต่ให้ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานเท่านั้นที่ให้ยืมเงิน ทำให้น้องปุยฝ้ายสงสัยว่า ผู้ที่ใช้ไลน์ของน้าอ้อย ใช่ตัวของน้าอ้อยหรือไม่ หลังจากนั้นไลน์ของ ผอ.อ้อย ก็ขาดการติดต่อไป
น้องปุยฝ้าย เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนมั่นใจว่า คนที่ใช้ไลน์ของน้าอ้อย ต้องไม่ใช่น้าอ้อยอย่างแน่นอน เพราะคำพูดไม่ใช่ที่เคยคุยกัน เพราะน้าอ้อยไม่เคยใช้คำแทนตัวว่า "เจ๊" พูดกับหลาน และปกติแล้วน้าอ้อยจะไม่เคยยืมเงินใคร อีกทั้งเมื่อสอบถามว่าอยู่ไหน ก็จะไม่ยอมบอก ซึ่งผิดลักษณะความเป็นจริงของน้าอ้อยที่จะบอกข้อเท็จจริงกับตนเสมอ ดังนั้นตนจึงมั่นใจว่าผู้ที่ใช้ไลน์ของน้าอ้อย จะต้องเป็นคนที่เอาโทรศัพท์ของน้าอ้อยมาใช้อย่างแน่นอน หรือคนที่รู้รหัสไลน์ รวมทั้งเฟซบุ๊กของน้าอ้อย จึงจะใช้การสนทนากับตนได้
ด้าน นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ตนได้เข้าไปประสานงานกับเจ้าแขวงจำปาสัก ประเทศลาวแล้ว ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง โดยได้นัดหมายว่าวันศุกร์ที่ 1 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย จะพากันเดินทางเข้าไปที่ผานางอิง โดยผ่านทางอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เดินเท้าเข้าไปที่บริเวณผานางอิงระยะทางประมาณ 7 กม.จากนั้น จะมีคณะของประเทศลาวมาคอยประสานงานกันที่ผานางอิง เพื่อที่เข้าไปนำเอาชิ้นส่วนกระดูกของศพนิรนามมาตรวจดีเอ็นเอ รวมทั้งหาอัตลักษณ์บุคคลว่าใช่ ผอ.อ้อยหรือไม่
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารของประเทศลาวได้มีการส่งกำลังเข้าไปเฝ้าศพนิรนามที่บริเวณผานางอิงไว้แล้ว และหากว่าผลการตรวจพิสูจน์เป็นที่ยืนยันชัดเจนว่าเป็นศพของ ผอ.อ้อย ตนก็จะให้ญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย ทำหนังสือผ่านกงสุลไทยไปยังทางการของลาว เพื่อที่จะขออนุญาตนำศพมาทำการตรวจสอบประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
CR::::khaosod.co.th