หัวน้องก็ไม่มี!! เปิดชิ้นส่วน “น้องพลอย” แม่มารับสุดเศร้า เชิญวิญญาณด้วยคำพูดสะเทือนใจ (มีคลิป)

กระทั่งกำลังตำรวจที่เฝ้าปิดล้อมได้ถอนกำลังกลับออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวหมดแล้ว ต่อมา ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบุญมาก และ สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปฏิบัติการปิดล้อมพื้นที่ในเขตหมู่ที่ 1 ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ตั้งแต่คืนวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้รับการประสานงานจากญาติ ส.อ.พลกฤต วิเศษ อดีตทหารสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ลพบุรี ที่หลบหนีคดีอุ้มน้องพลอยจาก จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามอบตัวที่ริเวณชายป่าของหมู่บ้าน จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่กรมทหารราบที่ 23 โดยมีทหารคุ้มกันตลอดเวลา

อีกทั้ง "นาย รณณรงค์ แก้วเพชร" ทนายความผู้ช่วยเหลือด้านคดีความแม่ของน้องพลอยระบุว่า "ส.อ. พลกฤต" อาศัยอยู่กับแฟนคนใหม่และได้ศัลยกรรมใบหน้าใหม่ อีกทั้งยังลงทุนเข้าฟิตเนสเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างใหม่อีกด้วยขณะที่แม่ของน้องพลอยก่อนหน้านี้บอกว่ารอลูกมา 3 ปี ส่งข้อความหาลูกทุกวันแม้ลูกจะไม่ตอบ โดยไม่รู้ว่าลูกสาวได้เสียชีวิตไปแล้ว

และเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. พ.อ.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารราบ ที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ส.อ.พลกฤต ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้พาตัวน้องพลอยไปจริง และได้ลงมือฆ่าน้องพลอยไปแล้ว ก่อนจะนำศพไปทิ้งในพื้นที่อำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุความหึงหวงเพราะน้องพลอยตีตัวออกห่างตนเองเนื่องจากทราบว่าตนเองมีภรรยาแล้ว และกลัวว่า น้องพลอย จะปันใจให้ชายอื่นโดยตนตั้งใจแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าน้องจะเสียชีวิตลง หลังจากที่ลงมือเสร็จตนจึงได้นำร่างของน้องนั้งไปฝังในป่าแห่งหนึ่งที่ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี หลังจากนั้นได้นำตัวขึ้นรถของเจ้าหน้าที่เดินทางออกจากกองพันทหารราบที่ 23 มุ่งหน้าไปที่ จ.สระบุรี เพื่อไปชี้จุดที่ทิ้งศพน้องพลอย

ในเวลา 18.30 น. มีรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำลังเดินทางไปยัง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อร่วมค้นหาศพน้องพลอย จนกระทั่งเมื่อเวลา 19.40 น. มีรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบศพน้องพลอยแล้ว และมีร่อยรอยของการเผา อยู่ที่บริเวณถนนสาย แก่งคอย-แสลงพัน ระหว่าง กม.ที่ 15-16 หมู่ 2 ต.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ติดต่อกับ เขต ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นป่าริมทางโค้งลงเนิน มุ่งหน้าเข้าบ้านแสลงพัน

โดยจากการตรวจสอบพบขดลวดยางรถยนต์และพบโครงกระดูกมนุษย์ หลายชิ้น โดยมีเสื้อผ้าหลงเหลือไว้เพียงบางส่วน ภายหลังจากที่ผู้ต้องหาดูรูปที่ชุดสืบสวนส่งให้นั้น ก็ยืนยันว่าเป็นศพของน้องพลอยจริง แต่ต้องให้ทางด้านมารดาของผู้เสียชีวิตยืนยันเอกลักษณ์บุคคลอีกครั้ง

ซึ่งหลังจาก แม่ของน้องพลอยทราบว่าลูกสาวถูกฆ่าตกรรมและจับตัวคนร้ายได้ รวมไปถึงไปดูจุดที่คนร้ายเผาน้องพลอย ทำให้ทางคุณแม่ทำใจไม่ได้ และเผยความในใจกับสื่อว่า ระยะเวลา 3 ปี รอที่จะเจอน้องพลอยตลอด ส่งข้อความไปหาแต่ไม่มีการตอบกลับ และในวันแม่ปีนี้สิ่งที่รับรู้มาถือว่าเป็นของขวัญวันแม่ที่เจ็บปวดที่สุด และยังเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งที่ ส.อ.พลกฤต เคยโทรถามเรื่องน้องพลอยหายตัวไป แต่แม่ไม่ปักใจเชื่อว่าไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อความจริงเปิดเผยจึงอยากเจอหน้า ส.อ.พลกฤต สักครั้งและจะถามความรู้สึก ความเป็นลูกผู้ชาย ความเป็นทหาร ทำไมจิตใจโหดร้ายได้ขนาดนี้

ความคืบหน้าในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 11.00 น. "นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์" ทนายความของพ่อแม่น้องพลอย เผยว่า พ่อแม่ของน้องพลอยจะเดินทางไปยังสภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแจ้งความเอาผิดกับผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้อีกคน โดยเป็นคนรอบข้างของ ส.อ.พลกฤต ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มียศใหญ่กว่า ส.อ.พลกฤต แต่จะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ ต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนในเชิงลึกอีกครั้ง โดยเตรียมนำหลักฐานยื่นและเข้าให้ปากคำกับตำรวจ

และตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วว่า "นายพลกฤต หรือ เอส" หลังก่อเหตุได้ออกจากราชการ ไปทำศัลยกรรมใบหน้าและเข้าฟิตเนสฟิตหุ่นเพื่ออำพราง และข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าผู้ต้องหาได้ไปสมัครงานเป็นนายแบบในบาร์แห่งหนึ่งที่พัทยา

โดยผู้จัดการบาร์ดังกล่าว ระบุว่านายเอสเป็นคนนิ่งเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่เคยบอกว่าเป็นทหารมาก่อน โดยช่วงที่มาสมัครงานได้แจ้งชื่อว่า ชื่อ เอส มาจากต่างจังหวัด ไม่เคยทำงานประเภทนี้มาก่อน แต่มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาจึงได้มาขอสมัครทำงาน ส่วนใหญ่จะดูแลลูกค้าต่างชาติ ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด ต่อมาได้แจ้งลากิจไป 3 วัน ช่วงปลายเดือน ก.ค. ก่อนโทรมาลาออกในเวลาต่อมา ซึ่งทางผู้จัดการร้านรู้สึกตกใจเมื่อทราบข่าวว่าเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมน้องพลอย

ทั้งนี้ ความคืบหน้านวันที่ 16 ส.ค.60 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. รับตัวส.อ.พลกฤต วิเศษ ผู้ต้องหาฆ่านั่งยางน้องพลอยจากทหารที่คุมตัวไปสอบสวนยังมทบ.11 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัว ส.อ.พลกฤต ไปให้แพทย์ตรวจร่างกายและแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นได้คุมตัว ส.อ.พลกฤต ไปให้พยานชี้ตัวยืนยันอีกครั้ง ซึ่งทาง ส.อ.พลกฤต มีสีหน้าที่เรียบเฉยและดูอิดโรย พยายามก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา

และในวันที่ 17 ส.ค. ตำรวจคุมตัวส.อ.พลกฤต หรือเอส วิเศษ อายุ 29 ปี เป็นคนลงมือฆ่า "น้องพลอย" มาทำแผน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย คุมตัวผู้ต้องหาอย่างแน่นหนา โดยเฉพาะจุดบนเขากระบด อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่นั่งยางเผาร่างน้องพลอย

ต่อมาในขณะที่กำลังคุมตัวส.อ.พลกฤตทำแผนได้มีหญิงร่างทรงคนหนึ่งมีอาการลักษณะคล้ายผีเข้า ก่อนกรีดร้องและตะโกนเรียกนางพัชรีแล้วเรียกหาแม่ พร้อมบอกอีกว่าเป็นน้องพลอยมาเข้าร่าง ก่อนโผล่กอดและร้องเรียก "แม่จ้า คนร้ายกักขังหนูและมีน้ำด้วย หนูคิดถึงแม่ แม่อย่าทิ้งหนูไป ขอให้แม่เอาหนูกลับไปด้วย ส่วนของที่คนร้ายเอาไปให้ตามกลับคืนมาด้วย" โดยนางพัชรีได้ปลอบใจและเชื่อว่าเป็นน้องพลอยมาเข้าร่างจริงๆ จากนั้นจึงทำพิธีเชิญวิญญาณน้องพลอยกลับบ้านผ่านไปไม่นานหญิงสาวคนดังกล่าวได้เป็นลมล้มทรุดไปทันที

ส่วนทางด้าน นางพัชรี กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ยังไม่สบายใจ คนร้ายยังมีอีก ตราบใดยังจับไม่หมด ก็ยังคงไม่สบายใจ หลังจากนี้จะเชิญวิญญาณน้องพลอยกลับบ้าน โดยเชื่อว่าวิญญาณน้องพลอยมาเข้าร่างคุณป้าคนนี้ เพราะทราบว่าคุณป้าบอกมีอะไรมาดลจิตดลใจให้มารอที่จุดเผาร่างถึง 2 ช.ม. ก่อนวิญญาณมาเข้าร่างและพูดคุยกับแม่

ล่าสุดทางเพจ "อีจัน" ได้นำเสนอคลิปเหตุการณ์แม่ของน้องพลอยได้มารับกระดูกของน้องที่สถาบันนิติเวชตำรวจเพื่อนำกลับไปเชิญดวงวิญญาณและทำการบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดต่อไป โดยทางเพจระบุข้อความว่า "#แม่รับกระดูกน้องพลอย ไปบำเพ็ญกุศล"