เปิดโฉมหน้า 8 แก๊งทมิฬฆ่ายกครัวผู้ใหญ่บ้าน จ.กระบี่ มี "บังฟัต" เป็นหัวหน้าพร้อมสมุนที่เข้าไปก่อเหตุ 7 คน กับเมียบังฟัต ร่วมวางแผนและจัดหาเสื้อลายพรางที่ใช้ก่อเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คนมาสอบปากคำ "บังฟัต" เปิดปากรับสารภาพเคยร่วมกับเมียวางแผนอุ้มฆ่าผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว โดยให้เมียเป็น "นางนกต่อ" เรียกออกมาพบ แต่ผู้ใหญ่บ้านนำผู้ช่วยมาด้วย จนต้องยกเลิกแผน เลยบุกเข้าบ้านหมายอุ้มตัวแต่เกิดผิดแผนผู้ใหญ่บ้านกลับเข้าบ้าน แถมยังจำได้เป็นใครทั้งที่สวมหมวกไหมพรม แถมขู่จะฆ่ายกครัว ลูกสมุนลั่นไกยิงผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต ตัดสินใจฆ่าคน ในบ้านทั้งหมดเพื่อปิดปาก
ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานมัดตัวแก๊งฆาตกรเหี้ยมฆ่าล้างครัวนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บ 3 คน หลังใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. ควบคุมตัวนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี นายทุนเงินกู้ กับพวกรวม 9 คน แยกเป็นทีมสังหาร 7 คน อีก 2 คน คือเมียของบังฟัต กับชายเจ้าของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ที่ใช้ก่อเหตุ นำไปสอบเค้นในค่ายทหาร ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เบื้องต้นผู้ต้องหาทีมสังหารรับสารภาพ สาเหตุมาจากความขัดแย้งที่นายวรยุทธ นำโฉนดที่ดินของพ่อตาไปจำนองกับบังฟัต แต่หลังจากใช้หนี้หมดแล้วบังฟัตไม่คืนโฉนดให้ เพราะนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำเงินกู้กับธนาคาร มีการฟ้องร้องคดีจนเรื่องบานปลายถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกัน
ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฆ่าล้างครัว 8 ศพ เมื่อเช้าวันที่ 18 ก.ค. ที่ค่ายทหาร ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ สถานที่ควบคุมแก๊งทีมฆ่าและผู้เกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จ.กระบี่ พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน บก.ป. และ ภ.จ.กระบี่ ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. คุมตัวผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน มาสอบปากคำ โดยแยกสอบในอาคารกองร้อยที่ 1-3 นอกจากนี้ ชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่ และ สภ.เมืองกระบี่ เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนเพชรเกษม ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ และที่สถานีขนส่งจังหวัดกระบี่ ช่วงเวลา 06.00-12.00 น. ของวันที่ 11 ก.ค. หลังเกิดเหตุที่บังฟัต และผู้ต้องหาอีกคนมาขึ้นรถโดยสารเดินทางไป จ.ภูเก็ต และ จ.ระนอง เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหา หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อเสนอขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดกระบี่ ดำเนินคดีคนร้ายรวม 8 คน ประกอบด้วย 1.นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต 2.นายประจักษ์ บุญ-ทอย 3.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ 4.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ 5.นายธวัฒชัย บุญคง 6.นายอรุณ ทองคำ 7.นายธนชัย จำนอง และ 8.น.ส.ชลิตา สังขโชติ เมียบังฟัต โดย 7 คนแรกเป็นทีมสังหารที่เข้าไปก่อเหตุ ส่วน น.ส.ชลิตา เป็นผู้ร่วมวางแผน และจัดซื้อชุดลายพรางและอาหารให้ทีมฆ่า ส่วนนายอรุณ เป็นผู้ลั่นไกยิงนายวรยุทธ ผู้ตาย ในขณะที่นาย
วรยุทธกอดปล้ำต่อสู้กับบังฟัต คาดว่าจะออกหมายจับได้ก่อนเที่ยงวันที่ 19 ก.ค.
นอกจากนี้ ในวันที่ 20 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะเดินทางลงมาที่ จ.กระบี่ อีกครั้งเพื่อรับมอบตัว 8 ผู้ต้องหา ขณะนี้อยู่ในความควบคุมตัวของทหารที่ ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป ข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยทำร้ายจิตใจผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในทางสาธารณะ, มีสิ่งเทียมอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร มีด้วยกัน 5 คน ประกอบด้วยชายเจ้าของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ กับผู้เกี่ยวข้องที่นำมาสอบปากคำในวันนี้อีก 4 คน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเป็นพยานในคดี หรือเป็นผู้ร่วมในการกระทำผิดด้วย
จากการสอบปากคำบังฟัตให้การสารภาพว่า ที่ผ่านมาธนาคารที่ตนนำที่ดินไปจำนองกำลังจะมายึดที่ดิน เพราะไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ธนาคารได้ เนื่องจากตนไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ อ.อ่าวลึก เพื่อมาทวงเงินลูกหนี้นับล้านบาทได้ เพราะนายวรยุทธมีอิทธิพลสูง เคยขู่ไม่ให้ตนเข้าในพื้นที่ จนต้องวางแผนอุ้มนายวรยุทธ โดยให้ น.ส.ชลิตาเป็นนกต่อนัดนายวรยุทธออกมาคุยเพื่ออุ้มไปฆ่าแต่ไม่สบโอกาส เนื่องจากนายวรยุทธพาผู้ช่วยมาด้วยจนต้องล้มเลิกแผนไป กระทั่งวันเกิดเหตุตนพร้อมลูกน้องเข้าไปในบ้านนายวรยุทธ ตั้งใจจะอุ้มนายวรยุทธคนเดียว แต่ผิดพลาดเรื่องเวลาจนมีคนอื่นเข้ามาภายในบ้านด้วย
บังฟัตให้การอีกว่า ตอนแรกคิดว่าจะถอนตัวออกจากบ้านแล้วสร้างสถานการณ์ว่าเป็นการปล้น ระหว่างนั้นนายวรยุทธกลับเข้าบ้านเลยต้องเจรจากัน จากนั้นได้ให้นายวรยุทธโทร.ไปยืมเงินจากเพื่อน และบังคับให้เซ็นโอนลอยรถยนต์โตโยต้ายาริสให้ นอกจากนี้ ยังเอาบัตรเอทีเอ็มของนายวรยุทธพร้อมรหัสไปด้วย แต่นายวรยุทธจำได้ว่าตนคือใครทั้งที่สวมหมวกไหมพรมอยู่ เลยฮึดสู้ไม่ยินยอมเอาเงินให้ แถมยังขู่ว่าหากรอดกลับไปจะตามไปฆ่าตนยกครอบครัว นายอรุณ หรือบังกี หนึ่งในลูกน้อง ใช้ปืนยิงนายวรยุทธเสียชีวิต ตนจึงตัดสินใจยิงคนในบ้านทั้งหมดเพื่อหลบหนีความผิด
ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาอ่าวลึก นายณรงค์ศักดิ์ เครือหงส์ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภออ่าวลึก กล่าวถึงการตรวจสอบที่ดินของนายซูริก์ฟัต ตามที่นายอำเภออ่าวลึกประสานงานมา เนื่องจากได้รับร้องเรียนมีการทำนิติกรรมอำพรางหลอกให้โอนขายที่ดินที่นำมาจำนอง พบว่าที่ดินของนายซูริก์ฟัตมีอยู่ 12 แปลง เป็นโฉนดที่ดิน 10 แปลงและ น.ส.3 จำนวน 2 แปลง นายซูริก์ฟัตนำไปจำนองไว้กับธนาคารกรุงเทพทั้งหมด ซึ่งแต่ละแปลงนายซูริก์ฟัตได้มาจากการซื้อขาย ไม่ใช่การจำนองหรือขายฝาก แต่ละครั้งที่ผู้ซื้อผู้ขายจะมาทำนิติกรรมกับที่ดินนั้น จะมีการไต่ถามเป็นข้อมูลบันทึกไว้ ส่วนจะเป็นการถูกหลอกให้โอนเป็นของบังฟัตนั้น ไม่สามารถทราบได้
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในฐานะที่ ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ได้เร่งรัดให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ได้รับมอบหมายร่วมกับฝ่ายทหารซักถาม รวบรวมหลักฐานเบื้องต้นเพื่อขออำนาจศาลในการออกหมายจับให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนในการดำเนินการตาม ป.วิอาญาโดยเร่งด่วนต่อไป ในชั้นนี้ทราบว่าจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 8 คน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ขอชื่นชมตำรวจและทุกหน่วยงานทุกคนที่สามารถจับกุมคนร้ายคดีฆ่ายกครัว จ.กระบี่ ได้ ทั้งรายเล็กรายใหญ่ เพราะถือเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทั้งต้นทาง กระบวนการยุติธรรม เราต้องจับให้ได้ถึงแม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน บางคดีง่ายบางคดีก็ยาก เราให้ความสำคัญกับทุกคดี ทั้งนี้ คดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อสังคมสูง เพราะมีคนบาดเจ็บและสูญเสียจำนวนมาก ไม่มีใครรับได้ แต่ในเมื่อดำเนินการมาแล้วขอชื่นชมทุกคน นี่คือสิ่งดีๆที่ตำรวจทำมาก็กรุณานำไปชั่งน้ำหนักดูกับสิ่งที่ไม่ดีว่ามากน้อยแค่ไหน เราก็ต้องแก้ไขจะสามารถทำให้สังคมอยู่ร่วมกันนำไปสู่การปฏิรูปได้ ไม่ใช่จับผิดกันทุกเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตนและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้กำชับไปว่าขอให้ ผบ.ตร. และตำรวจระดับสูงลงไปในพื้นที่เพื่อไปกำกับดูแลเอง ผบ.ตร.ก็ไปอดหลับอดนอนหลายวันก็ทำได้ภายใน 5-6 วันนี่คือการทำงานแบบมืออาชีพ คดีใหญ่ๆที่มีผลกระทบสูง ผู้บังคับบัญชาก็ต้องลงไปขับเคลื่อนด้วยตัวเองก็ได้เห็นว่ามีความสามารถ จากนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งก็มาดูว่าควรเป็นอย่างไร แต่ไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของทีมงานจะเห็นว่ามีตำรวจระดับสูงลงไปมากมาย รวมถึงทีมงานสืบสวนสอบสวนเมื่อทำงานร่วมกันได้ออกมา "ส่วนที่มีข่าวคนร้ายเป็นทหาร เป็นคนมีสี แล้วมีสักสีไหม ผมถึงบอกว่าต้องเช็กก่อน ไม่ใช่เขาใส่เสื้อมา ผมก็นั่งนึกอยู่ว่าใครที่แต่งชุดทหารแล้วไปฆ่าคน ผมว่าไอ้นี่มันโง่นะ มันสมควรแล้ว จะใช่ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กล่าวอ้างว่าทหารมีแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ที่ไปอ้างกันอยู่ข้างล่างว่าทหารทำแบบโน้นแบบนี้ มันแค่เรียกผู้หมวดผู้กองแค่นี้หรือ มันใช่ หรือ ก็ดูบัตรประชาชนมันหรือเปล่าล่ะ ถ้าใช่ตัวจริงผมก็จะลงโทษไม่เอาไว้หรอก"