เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวถึง ความคืบหน้าการติดตามตัวกับ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฯลฯ ว่าอยู่ระหว่างการประสานงานกับประเทศอังกฤษ หลังมีข้อมูลว่าผู้ต้องหาหลบหนีไป โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันที่อยู่ของนายวรยุทธ เมื่อยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพำนักอยู่ที่ใด ก็จะเข้าสู่กระบวนการประสานงานขอผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศนั้น
ทั้งนี้กรณีผู้ต้องหาเปลี่ยนสัญชาติ ไม่กระทบกับการดำเนินคดี และการประสานงานขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวมีอายุความมากกว่า 10 ปี สิ้นสุดอายุความในปี 2570 ยังมีเวลาในการประสานงานเพื่อติดตามตัว
รองโฆษกตร.กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อได้ดำเนินการหลายด้านคู่ขนานกัน 1.ประสานหมายจับไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เฝ้าระวังจับกุมตัว 2.ดำเนินการขั้นตอนเอกสารมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองการต่างประเทศเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการประสานงานตำรวจสากล และประสานอัยการสูงสุดอย่างเป็นทางการเพื่อขอตัวผู้รายข้ามแดน 3.ทำหนังสือสอบถามไปยังอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอทราบกระบวนการในการประสานงานขอเพิกถอนหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่า ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องมีการเชิญหัวหน้าตำรวจสากล อังกฤษประจำประเทศไทย มาหารือ พร้อมขอความร่วมมือไปยังองค์กรตำรวจสากล กว่า 190 ประเทศทั่วโลก ช่วยค้นหาตัวด้วย หากตำรวจสากลทำการตรวจสอบแล้ว ไม่พบผู้ต้องหาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ หรือในประเทศใด ก็จะขอหมายน้ำเงินเพื่อตำรวจสากลช่วยติดตามตัว แทนจะขอหมายแดงซึ่งเป็นหมายจับ เพื่อให้ตำรวจสากลใช้จับกุมตัว
รองโฆษกตร. กล่าวถึงการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตำรวจที่ทำคดีนายวรยุทธ แต่ล่าช้าจนหลายข้อหาหมดอายุความว่า หลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สืบสวนข้อเท็จจริง ว่ามีมูลความผิด ฐานบกพร่อง ก็ได้ส่งเรื่องมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) ซึ่งจตช.ได้สั่งการให้กองวินัย ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยตำรวจทั้ง 10 นาย อยู่ในกระบวนการสอบสวน และมีการขยายเวลามาระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องสอบสวนตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนาย ทั้งนี้ไม่ได้ล่าช้าไม่ได้ประวิงเวลาแต่ทำตามกระบวนการ