เจ้าหน้าที่ได้นำตัวด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ มาตรวจสอบบาดแผล พบว่าที่บริเวณลิ้นช่วงกลางถึงปลายทั้งบนและล่างมีรอยบวมแดงเขียวช้ำ, ในรูหูข้างซ้ายเป็นแผลบวมแดง, ใบหูข้างขวามีรอยถลอก, ต้นแขนขวามีรอยเขียวช้ำ และที่บริเวณตาข้างขวามีรอยช้ำจางๆ โดยมีนายเจ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี กับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี พ่อและแม่แท้ๆ ของเด็ก เข้าร่วมให้ปากคำ
นายเจ ให้การว่า ตนกับอดีตภรรยามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ได้แยกทางกันมา 5 ปีแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา อดีตภรรยาได้โทรศัพท์มาขอเงินตนเพื่อพาลูกสาวไปหาหมอ จึงนัดเจอกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เมื่อลูกสาวพบหน้าตนก็วิ่งโผเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่า "หนูโดนพ่อเลี้ยงตี" พอตนตรวจสอบตามร่างกายพบว่าลูกมีบาดแผลหลายแห่ง เมื่อสอบถามอดีตภรรยาทำให้ทราบว่า ลูกสาวถูกสามีใหม่ทุบตีเป็นประจำ พอเข้าไปห้ามก็จะถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย
และล่าสุดได้จุดไฟแช็คเผาลิ้นอย่างทารุณ ทำให้ตนทนไม่ไหว เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยตีลูกสักครั้ง จึงส่งตัวลูกไปรักษาที่ รพ.บางละมุง พร้อมกับเข้าแจ้งความและร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากพ่อเลี้ยงคนดังกล่าวเป็นลูกชายของตำรวจทางหลวงคนหนึ่ง จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาตำรวจได้ออกหมายเรียก นายเจ อายุ 23 ปี พ่อเลี้ยงโหดรายนี้ มาทำการสอบปากคำ และให้การยอมรับว่า ได้ลงมือตีเด็กจริง แต่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งปกติตนรักน้องบีเหมือนลูกในไส้ เพราะเลี้ยงดูและอยู่ด้วยกันนานถึง 2 ปี ไม่คิดว่าตัวเองจะทำลงไปได้ขนาดนั้น และขอยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำไป
นางปวีณา เปิดเผยว่า ภายหลังจากพ่อของเด็กส่งเรื่องร้องเรียนมายังมูลนิธิฯ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบทำให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงประสานมายังตำรวจ สภ.บางละมุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายศรัณย์ ให้ถึงที่สุด เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณเป็นอย่างมาก