รายงานระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) ได้พิจารณามาตรา 35 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 เห็นได้ว่า เมื่อผู้ต้องขังคนใดกระทำผิดวินัย ให้เจ้าพนักงานเรือนจำผู้มีหน้าที่พิจารณาลงโทษอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ (1) ภาคทัณฑ์ (2) งดการเลื่อนชั้น (3) ลดชั้น (4) ตัดการอนุญาตให้ได้รับการเยี่ยมเยียนหรือติดต่อไม่เกินสามเดือน (5) ลดหรืองดประโยชน์และรางวัล (6) ขังเดี่ยว ไม่เกินสามเดือน (7) ขังห้องมืดไม่เกินสองวันในสัปดาห์หนึ่ง (8) เฆี่ยน หรือ (9) ตัดจำนวนวันที่ได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกตามมาตรา 32(6) และวรรคสอง แห่งบทบัญญัติดังกล่าวยังบัญญัติว่า ในกรณีและเงื่อนไขอย่างใดจะลงโทษดังระบุไว้ข้างต้นให้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
เมื่อพิจารณาข้อ 100 ข้อ 101 ข้อ 102 และข้อ 103 แห่งกฎกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่า กฎกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้พัศดีเรือนจำ สารวัตรเรือนจำ และผู้บัญชาการเรือนจำมีอำนาจลงโทษฐานผิดวินัยตามลำดับ ซึ่งแม้ว่าผู้บัญชาการเรือนจำจะมีอำนาจลงโทษทุกสถานตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ ก็ตาม แต่ผู้บัญชาการเรือนจำจะสั่งลงโทษผู้ต้องขังกระทำผิดวินัยในกรณีและเงื่อนไขใดได้ นั้น ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงมหาดไทย ข้อ 104 ภาคทัณฑ์ ข้อ 106 ตัดการอนุญาตให้ได้รับการเยี่ยมเยียนหรือติดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 107 งดการเลื่อนชั้น ข้อ 108 ลดชั้นข้อ 109 ลดรางวัล ข้อ 110 งดรางวัล ข้อ 111 ขังเดี่ยว ข้อ 112 ขังห้องมืด และข้อ 113 เฆี่ยนเท่านั้น