ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จ.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงเงิน 11 ล้านบาทที่บริษัทในประเทศกัมพูชา จ่ายเป็นค่าปูนซีเมนต์ให้กับบริษัทปูนซีเมนต์ ทีพีไอและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ เกิดอาการวูบจนถูกหามส่งโรงพยาบาลเมืองราช ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ร.ต.ท.เชาวรินทร์ นั้นเข้าพักที่ห้อง 810 และได้ขอเข้าพูดคุยกับร.ต.ท.เชาวรินทร์ ซึ่งยังมีสีหน้าอิดโรย จากการอดนอนเพราะเกิดอาการเครียดอย่างหนัก
ตนกับภรรยาจะเดินทางไปส่งลูกสาวคือ นางสาวคันธรัตน์ ลัทธศักย์ศิริ ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม จนไม่สามารถเดินทางไปส่งลูกสาวได้ ก็เกิดอาการเครียดและภายหลังประกันตัวออกมาด้วยเงินสด 1 ล้านบาท เพื่อมาสู้คดีก็นอนไม่หลับ จึงเกิดอาการวูบคนใกล้ชิดก็เลยช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ประกอบกับตนเองนั้นทำบอลลูนเส้นเลือดมาถึง 4 เส้น เลยส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด ส่วนเรื่องของคดีก็สู้กันไป มีการตั้งข้อหาว่าไปแฮกซ์ข้อมูล ทั้งที่ตนเองนั้นใช้โทรศัพท์รุ่นธรรมดามาก ในชีวิตยังไม่เคยเปิดคอมพิวเตอร์เลยจะไปแฮกซ์ข้อมูลได้อย่างไร
บนยอดเขาแก่นจันทน์ในจ.ราชบุรี ใช้งบประมาณ 2,500 ล้านบาท มาเข้าบัญชีสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ซึ่ง มีตนเองนั้นเป็นนายกสมาคม แต่เงินก้อนนี้ก้อนโตหน่อย ถือว่าใครโอนมาก็มีเจตนามาร่วมบริจาค พวกมดส้มเห็นเป็นขนม จู่ๆก็จะมาขอคืนอ้างโอนผิด ซึ่งการโอนเงินจะต้องโอนตามบัญชี เลขบัญชี แล้วจะผิดได้อย่างไร และถ้าโอนผิดก็ต้องรีบไปแจ้งความที่กัมพูชา ซึ่งเป็นต้นทางในการโอนเงิน แล้วก็แปลเป็นภาษาไทยให้สถานทูตไทยรับรองแล้วส่งมา ซึ่งตนก็จะนำเอาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อจะคืนเงินให้ ซึ่งก็ทำไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 57