โจ้เพาเวอร์เจล รอด´หมายจับ´

"โจ้เพาเวอร์เจล รอดหมายจับ"



ความคืบหน้ากรณีพบวัตถุระเบิดชนิดเพาเวอร์เจล ลูกเกลี้ยง เชื้อปะทุและกระสุนปืน รวมทั้งผ้าโพกหัวกู้ชาติ

ซุกซ่อนอยู่ในห้องพักเลขที่ 1014

ชั้น 10 อาคารบริษัทดิเวลล๊อป เมนทอลพาธ จำกัด ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 53 ย่านบางพลัด ฝั่งธนฯ ในเบื้องต้นพบว่าห้องดังกล่าว มีนายสมพงษ์ หรือโจ้ อินทร์งาม อายุ 25 ปี หลานชายของนายเพียร ยงหนู 1 ในแกนนำ

พันธมิตรกู้ชาติขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อดีตนายกรัฐมนตรี เช่าพักอยู่กับ น.ส.หทัยชนก หรือฤทัยชนก สภาสุขดี อายุ 22 ปี แฟนสาว มาตั้งแต่ปี 48 แต่ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งคู่หายหน้าไป ทางเจ้าของอาคารต้องการนำห้องให้คนอื่นเช่าต่อ จึงให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด กระทั่งพบวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่จึงแจ้งตำรวจ

ที่ สน.บางพลัด เมื่อเช้าวันที่ 16 พ.ค.

พ.ต.อ.ชัยวรินทร์ เพ็ญสุภา ผกก.สน.บางพลัด เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ร.ต.ท.ประภาท หยงสตาร์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ไปสอบปากคำแม่บ้าน และ รปภ.ของอพาร์ตเมนต์

เพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการเข้า-ออก

ห้องพักของนายสมพงษ์ อินทร์งาม เจ้าของห้องที่พบระเบิด เพื่อขออำนาจศาลจังหวัดตลิ่งชันจับกุมตัวดำเนินคดี ในข้อหามีวัตถุระเบิดและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป



โดยมีรายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 15 พ.ค.

พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีพบระเบิด ได้ติดตามตัว น.ส.หทัยชนก หรือฤทัยชนก แฟนสาวของนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นผู้เปิดห้องพักตั้งแต่ปี 48 มาสอบปากคำแล้ว น.ส.หทัยชนกให้การยืนยันว่า ระเบิดและสิ่งของทั้งหมดที่ตำรวจตรวจยึดได้ในห้องพัก เป็นของนายสมพงษ์ทั้งสิ้น

ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดป่วนกรุง ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบพยานหลักฐานว่าของกลางที่

พบในห้องพักอพาร์ตเมนต์ ย่านบางพลัด

มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ วางระเบิด 9 จุด ใน กทม. รวมถึงการวางระเบิดที่ปากซอยราชวิถี 24 เมื่อเร็วๆนี้ ของกลางที่พบสามารถแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นส่วนไม่ผิดกฎหมาย เช่น

เอกสารเครื่องหมายลักษณะต่างๆของกลุ่มการเมือง

ซึ่งถือเป็นสิทธิของประชาชน ส่วนที่สองเป็นวัตถุระเบิด ชิ้นส่วนประกอบและกระสุนปืน เป็นสิ่งที่ต้องห้ามผิดกฎหมาย เมื่อตรวจพบในห้องดังกล่าว ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของนายสมพงษ์ อินทร์งาม ซึ่งเป็นผู้มาเช่าห้องดังกล่าว หากนายสมพงษ์เห็นว่าไม่ใช่ของตน ก็ต้องรีบมาพบพนักงานสอบสวนโดยเร็ว

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่ยุ่งยาก

เพราะยังมีพยานบุคคลปากสำคัญ คือ น.ส.หทัยชนก แฟนสาวของนายสมพงษ์ที่พักอยู่ด้วยกัน แต่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวนให้ชัดเจนก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเพียร ยงหนู





ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้านครหลวง

ออกมายืนยันว่า นายสมพงษ์ หลานชาย เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองวัตถุระเบิดดังกล่าว พล.ต.ต.จงรักตอบว่า เรื่องนี้พนักงานสอบสวนยินดีรับฟังกับพยานทุกฝ่าย หากมีหลักฐานมายืนยันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์

กระบวนการดำเนินคดีศาลจะรับฟังแต่พยานเท่านั้น

จะไม่รับฟังความเชื่อบุคคล เว้นแต่ความเชื่อนั้นมาจากผู้เชี่ยวชาญพิเศษโดยเฉพาะทางเท่านั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหาพยานหลักฐาน

ทางด้าน พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจนครบาลได้สอบปากคำ น.ส.ปาณิสรา หรือหทัยชนก สภาสุขดี อายุ 22 ปี แฟนของนายสมพงษ์ อินทร์งาม น.ส.ปาณิสราให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมาก

บอกว่าเคยอยู่กับนายสมพงษ์ที่ห้องดังกล่าวจริง

แต่ระยะหลังมีปัญหาเลยแยกทางกัน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันกับนายสมพงษ์เห็นวัตถุระเบิดดังกล่าวอยู่ภายในห้องแล้ว จากหลักฐานดังกล่าวจึงขออนุมัติจับกุมนายสมพงษ์ต่อศาลแขวงตลิ่งชัน ในข้อหามีเครื่องมือยุทโธปกรณ์และวัตถุระเบิด

เครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง

ขณะนี้ตำรวจนครบาลกำลังเร่งรัดสืบสวนหาข้อมูลว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้อง และตรวจสอบประวัติย้อนหลังของนายสมพงษ์ รวมทั้งสืบสวนหาที่มาของวัตถุระเบิดดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่



ส่วนเรื่องที่นายเพียร ยงหนู

แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ลุงของนายสมพงษ์ บอกว่าจะพานายสมพงษ์เข้ามอบตัวกับตำรวจ ยังไม่มีข้อมูล เป็นเรื่องของนครบาลที่จะดำเนินการต่อไป

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวด้วยว่า

ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีใครร่วมด้วยหรือไม่ ตอนนี้การสอบสวนยังไปไม่ ถึง ต้องรอผลการสอบสวนของนครบาล แต่ในชั้นนี้ขออนุมัติออกหมายจับนายสมพงษ์เพียงคนเดียว ส่วนกรณีที่ตำรวจสันติบาลควบคุมตัวทหารประเทศมาเลเซีย 18

นายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใน

กทม.และการพบระเบิดครั้งนี้หรือไม่นั้น พล.ต.ท.รณรงค์กล่าวว่า อย่านำไปโยงกัน ไม่เกี่ยวกันเลย ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนก่อน พร้อมกับขอฝากประชาชนให้เป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ

พบเห็นสิ่งผิดปกติให้แจ้งตำรวจ

ไปตรวจสอบเหมือนครั้งนี้ ที่เจ้าของอพาร์ตเมนต์แจ้งเข้ามา และอยากให้นายสมพงษ์เข้ามอบตัวกับตำรวจ เพราะหากตำรวจไปพบจะจับกุมตัวมาดำเนินคดีทันที

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ

ผบ.ตร. กล่าวว่า การพบวัตถุระเบิดดังกล่าวเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเป็นระเบิดที่ไม่มีพิษสง บุคคลที่สนใจทั่วไป หรือแม้แต่อดีตทหาร ตำรวจก็มีไว้ได้ ดูแล้วไม่ใช่เรื่องก่อการร้าย หรือเป็นการก่ออาชญากรรม



ขณะนี้ตำรวจนครบาลเตรียมออกหมายจับแล้ว

แต่จากที่ดูเป็นระเบิดที่ไม่รุนแรง ธรรมดาและมีจำนวนน้อย และไม่เกี่ยวข้องกับทางภาคใต้ ระเบิดเพาเวอร์เจลที่มีไว้อาจจะเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ บางประการ หรืออาจไม่ได้ไปใช้อะไรเลย

แต่ตามข้อเท็จจริงที่มีอยู่

นายสมพงษ์ไม่ได้พักอาศัยที่ห้องดังกล่าวนานแล้ว คงไม่ได้สนใจและทิ้งไว้ แต่เมื่อ น.ส.ปาณิสรา สภาสุขดี อดีตแฟนสาว รับสารภาพว่าระเบิดดังกล่าวเป็นของนายสมพงษ์ ก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน

รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า

สำหรับสาเหตุขณะนี้ได้ตัดประเด็นทางการเมืองทิ้ง ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง คนพยายามโยงกันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร ส่วนที่พบหลักฐานผ้าโพกหัว ก็อาจมีกันทั่วไปได้ ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ด่วนสรุป

ขณะนี้นครบาลสอบสวน น.ส.ปาณิสรา

ถึงรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติม เพื่อหาที่มาของวัตถุระเบิดและผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้สั่งการให้ใครดูแลเป็นพิเศษ หรือต้องแต่งตั้งพนักงานสอบสวนชุดพิเศษขึ้นมา เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อย

เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดป่วนกรุง

ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพราะดูของกลางก็รู้แล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ตนเห็นมาเยอะแล้ว คนที่ถูกจับกุมข้อหามีวัตถุระเบิดในครอบครองก็มีจำนวนมาก แต่ไม่ทราบกันเอง



ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ชัยวรินทร์ เพ็ญสุภา

ผกก.สน.บางพลัด พร้อมด้วย พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ ชอบธรรม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.อมร เจริญเกษ พงส. (สบ 3) และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้นำสำนวนการสอบสวน ไปยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับกุมนายสมพงษ์

ในข้อหาครอบครองวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืน

โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ปรากฏว่า คณะผู้พิพากษาให้เรียกตัวพยานที่เกี่ยวข้องเป็นแม่บ้านและผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ที่พบระเบิดรวม 5 ปากไปไต่สวน เพื่อประกอบการพิจารณา ภายหลังเบิกความนานประมาณ 4 ชั่วโมง

ปรากฏว่าศาลได้อ่านยกคำร้องในการขออนุมัติ

ออกหมายจับครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน และการไต่สวนพยานยังไม่ชัดเจน จนยืนยันได้ว่าระเบิดดังกล่าวเป็นของนายสมพงษ์ ทำให้พนักงานสอบสวนต้องเดินทางกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม

วันเดียวกันนี้ นายเพียร ยงหนู

ประธานสหภาพพนักงานการไฟฟ้านครหลวง 1 ในแกนนำกลุ่มพันธมิตร ประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายสมพงษ์ หรือโจ้ หลานชาย เคยอยู่ที่ห้องดังกล่าวกับแฟนสาว

ก่อนที่จะเกิดม็อบพันธมิตร

หลังจากม็อบเสร็จสิ้นภารกิจทราบว่าโจ้มีปัญหาเลิกกับแฟน ด้วยความที่ไม่มีเงินจึงย้ายออกจากคอนโดฯไปได้ 5-6 เดือนแล้ว และเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โจ้ก็อยู่ กับตนตั้งแต่เช้า ไปทำงานที่การไฟฟ้านครหลวง





สำนักงานเพลินจิตด้วยกัน จากนั้นตอนเที่ยง

ตนได้บอกให้โจ้กลับบ้านไปก่อน เพราะเห็นว่าอยู่กับเรามาตลอด จนกระทั่งบ่าย 3 โมง มีข่าวเรื่องนี้ออกมา ตนโทรศัพท์ไปถามว่า ใช่ห้องพักของโจ้หรือไม่ เขายอมรับว่าใช่ แต่ออกมาตั้ง 5 เดือนแล้ว โดยบอกว่าถ้าผ้าพันคอของพันธมิตรกู้ชาตินั้นเขารับได้ แต่ถ้าระเบิดยอมรับไม่ได้ จากนั้นก็วางหูไปจนถึงขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้

นายเพียรกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นได้ออกตามหา

ที่บ้านเพื่อนหลายแห่ง แต่ยังไม่พบตัว หากพบจะพาเข้า มอบตัวกับตำรวจเอง แต่ว่าต้องติดต่อได้เสียก่อน ทั้งนี้ หลานชายตั้งใจจะบวชให้ยายอายุ 98 ปี ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ที่วัดเขาแดง อ.เมืองพัทลุง

ครอบครัวของหลานคนนี้

ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดตั้งแต่โจ้ยังเด็ก พ่อดื่มสุราจัด จนต้องแยกกันอยู่ ส่วนโจ้เข้ามาคอยติดตามตนตลอดเวลา เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากที่หลานชายตนย้ายออกไปแล้ว ช่วงนั้นทำไมทางคอนโดฯถึงไม่เปิดห้องเข้าไปดู

จึงอยากจะขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องว่า

ควรจะตรวจสอบก่อนว่าระเบิดดังกล่าวเป็นของเขาจริงหรือไม่ ไม่ใช่คิดแต่ว่าพบในห้องเขาแล้วต้องเป็นของเขา เหตุการณ์นี้ เหมือนจงใจเล่นงานตน โดยใช้หลานเป็นเครื่องมือ เพราะโจ้เป็นหลานแท้ๆที่เป็นผู้ชายคนเดียว

และเป็นคนที่ตนรักมาก

ก่อนหน้านี้เคยไปให้หมอดูทำนายว่า เมื่อโจ้อายุครบ 25 ปีแล้ว ให้บวชหากไม่บวชก็อาจจะติดคุกหรือไม่ก็ตาย ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายเพียรตอบว่า เป็นไปได้



เพราะมันมีเรื่องแปลกๆที่ชวนให้สงสัยมาก

เช่น กุญแจเข้าห้องเช่า หลานตนไม่ได้ถือไว้คนเดียว อาจจะมีคนอื่นถืออยู่อีก นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ตนทำหนังสือเรียกร้องให้นายกฯแก้ไข พ.ร.บ. ทุน และให้ปราบปรามการทุจริต โดยยื่นข้อเรียกร้องไปทั้งหมด 18 ข้อ หลังจากนั้น 1 เดือนจะไปทวงถามคำตอบ แต่มาเกิดเรื่องนี้เสียก่อน

ทางด้านนายสุริยะใส กตะศิลา

เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป.ในฐานะ อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาปฏิเสธว่าแกนนำพันธมิตร ไม่มีใครเกี่ยวข้องและมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว

ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน

สำหรับนายสมพงษ์ หรือโจ้ อินทร์งาม หลานชายนายเพียร ยงหนู นั้น เคยเข้าไปอยู่ในส่วนของฝ่ายรักษาความปลอดภัยในช่วง เคลื่อนไหวชุมนุมของพันธมิตรจริง แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ เจอนายสมพงษ์ หรือโจ้ มานานกว่า 1 ปีแล้ว

ซึ่งตนได้ แนะนำให้นายเพียร ยงหนู

ซึ่งเป็นลุง พยายามติดต่อให้นายโจ้เข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และไม่ให้เรื่องดังกล่าวถูกนำไปขยายผลกล่าวหา หรือทำลายการเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำพันธมิตร เพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี

ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี

กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนให้ชัดเจนก่อน



ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.

และประธาน คมช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบระเบิดในห้องพักของนายสมพงษ์ อินทร์งาม หลานชายนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้านครหลวง

แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ซึ่งอาจเชื่อมโยงถึงการเมืองว่า อยากให้เรื่องนี้ไปถึงขั้นของการสอบสวนก่อน วิธีการมีเยอะ มีหลากหลายวิธีอย่าไปเชื่อกระแสข่าวที่ได้ข้อมูลด้านเดียว ต้องศึกษาหลายๆ ข้อมูลก่อน

แต่ได้บอกให้ทางกองทัพไปติดตามดูว่า

มีอะไรเป็นสิ่งที่มีฐานในการมองอีกด้านหนึ่งบ้าง ถ้ารักชาติบ้านเมืองไม่ควรทำกันเช่นนี้ อยากให้คนในชาติบ้านเมืองรักกัน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนน้อยกว่าประโยชน์ของชาติ

พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม

ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้า คงต้องรอผลการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เบื้องต้นไม่พบสัญญาณอะไรที่ระบุว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่า เหตุใดใน กทม.

จึงตรวจพบวัตถุระเบิดและเกิดเหตุระเบิด

หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา รมว.กลาโหมตอบว่า กทม.มีพื้นที่กว้าง และของแบบนี้ในปัจจุบันหาได้ไม่ยาก อีกทั้งคนมีความสามารถที่จะทำก็มีมาก ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร

สำหรับมาตรการเฝ้าระวังขณะนี้

เจ้าหน้าที่ทุกส่วนก็ดูแลพื้นที่ค่อนข้างดี ต่อไปคงเป็นเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ต้องมีความตื่นตัวตลอดเวลา หากพบอะไรผิดสังเกตต้องแจ้งเบาะแสเหมือนครั้งนี้



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ







เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์