อดีตตชด. ผัวเก่าสาวรพ.จุฬา ปัด-อุ้มฆ่า

ความคืบหน้าการติดตามตัวนางนภาภรณ์ หรือออย วิชิตนาค อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบัญชีและงบประมาณ รพ.จุฬาลงกรณ์

ที่ขาดงาน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยญาติแจ้งความคนหายไว้ที่ สน.เตาปูน ในเบื้องต้น ตำรวจพบปมชู้สาว พัวพันกับโชเฟอร์แท็กซี่ อดีต ตชด.2 คน และอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนคลี่คลายคดีนั้น

ที่ สน.เตาปูน เวลา 08.00 น.

วันที่ 10 พ.ค. ส.ต.ต.ทิวา หรือหนุ่ม แดงทองดี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 454 หมู่ 4 ต.ทับคล้อ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้เข้าพบ พ.ต.ท.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ พงส. (สบ 3) สน.เตาปูน เจ้าของคดี

เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วน

เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนางนภาภรณ์ อดีตภรรยา ส.ต.ต.ทิวา ให้รายละเอียดว่า รับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองปราบปราม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31 ค่ายพระยาจักรี จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 27

และออกจากราชการเมื่อปี 32

เนื่องจากขาดราชการเกิน 15 วัน เพราะป่วยเป็นไข้มาลาเรีย ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นเจ้าของร้านอาหาร ชื่อทิวาหมูกระทะที่ จ.พิจิตร รู้จักกับนางนภาภรณ์ เมื่อประมาณปี 47 ขณะขับรถแท็กซี่ อู่กรุงเทพฯ-นนท์ 44

นางนภาภรณ์เป็นผู้โดยสาร

เรียกจากย่านรามคำแหงให้ไปส่งแถวห้วยขวาง ระหว่างทางพูดคุยกันถูกคอ จึงขอเบอร์โทรศัพท์แล้วติดต่อกันเรื่อยมา จากนั้นประมาณ 1 เดือน ก็ตัดสินใจมาอยู่กินด้วยกันที่อพาร์ตเมนต์ในซอยลาดพร้าว 71

ก่อนจะจดทะเบียนสมรสกันในปลายปี 47

ต่อมานางนภาภรณ์จับได้ว่าแอบไปคบหากับหญิงอีกคนที่พัทยา ทำให้มีปัญหาระหองระแหง ทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่อยมา จนนางนภาภรณ์ทนไม่ไหว ขนข้าวของย้ายออกไปอยู่กับย่าที่ซอยสะพานขวา ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แต่ก็ยังติดต่อคบหากันอยู่ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

อดีตสามีเจ้าหน้าที่การเงิน

รพ.จุฬาฯที่หายตัวไปอย่างลึกลับให้การต่อว่า ต่อมาประมาณปลายปี 48 ได้พา นางนภาภรณ์ไปเยี่ยมบ้าน ส.ต.อ.วุฒิชัย คำตั๋น อายุ 48 ปี อดีต ตชด.เพื่อนเก่า นักเรียนพลตำรวจนครสวรรค์ รุ่น 14 รุ่นเดียวกัน

ซึ่งหันมาขับรถแท็กซี่เช่นเดียวกัน

ที่หมู่บ้านพฤกษา 1 ย่านคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และนอนค้างบ้าน ส.ต.อ.วุฒิชัย 1 คืน เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้ง 2 รู้จักกัน และแอบสานสัมพันธ์ คบหากันลับๆในเวลาต่อมา จนประมาณปี 49

จับได้คาหนังคาเขาว่า ส.ต.อ.วุฒิชัย

โทรศัพท์ติดต่อกับภรรยาตน จึงนัดเปิดใจอย่างลูกผู้ชาย ถามตรงๆว่าติดต่อกับนางนภาภรณ์หรือไม่ ส.ต.อ.วุฒิชัยยอมรับอย่างหมดเปลือกว่าคบหากันจริงและได้เสียกันแล้ว

หนำซ้ำยังส่งเงินให้นางนภาภรณ์ใช้ด้วย

แต่เมื่อเค้นถามจากปากนางนภาภรณ์ กลับไม่ยอมรับความจริง จึงตัดสินใจแยกทางกับนางนภาภรณ์อย่างเด็ดขาด ตั้งแต่เดือน ก.ย. 49 เป็นต้นมา

ส.ต.ต.ทิวากล่าวต่อว่า

หลังจากนั้นได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิด จ.พิจิตร พร้อมกับแต่งงานอยู่กินกับภรรยาคนใหม่ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 49 โดยเปิดร้านหมูกระทะช่วยกันทำมาหากิน ไม่ได้ติดต่อกับทั้งคู่อีกเลย

และไม่ได้เดินทางออกนอกพื้นที่

หรือเข้ากรุงเทพฯ กระทั่งปรากฏเป็นข่าว ลงรูปถ่ายของตนคู่กับนางนภาภรณ์สมัย ที่ยังอยู่กินด้วยกัน ทำให้ไม่สบายใจ อยากพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงื่อนงำการหายตัวไปของนางนภาภรณ์

ส่วนที่ญาติสงสัยว่าโทรศัพท์ไปหา

แล้วมีพิรุธไม่ยอมรับและปิดมือถือ ขอยืนยันว่าหลังจากที่เลิกคบนางนภาภรณ์ แล้วกลับไปอยู่พิจิตร ได้ตัดสินใจ เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ เนื่องจากไม่ต้องการติดต่อกับทั้งคู่ เพราะเสียความรู้สึกที่ถูกเพื่อนแย่งเมียรักไป

ต่อมาเวลา 09.00 น. ได้มีนางอรอนงค์ วิชิตนาค

อายุ 51 ปี อาของนางนภาภรณ์ พร้อมด้วยนายเอกลักษณ์ วิชิตนาค อายุ 26 ปี ลูกพี่ลูกน้องนางนภาภรณ์ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี รวมทั้งให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ

เรื่องการแต่งกายของนางนภาภรณ์

ที่มีคนเห็นครั้งสุดท้ายในชุดเสื้อสีลายน้ำตาลจุดขาว มีโบผูกใต้ราวนม กางเกงขายาวสีดำ พร้อมกันนี้ ได้นำใบหย่าของ ส.ต.ต.ทิวากับนางนภาภรณ์ มอบแก่ พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานด้วย

รายละเอียดระบุว่าทั้งคู่จดทะเบียนหย่ากัน

ที่เขตบางซื่อ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.48 แต่ญาติจำไม่ได้ว่าทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่เมื่อไร เนื่องจากตอนที่ทั้งคู่คบหากัน ญาติขัดขวาง เพราะไม่ชอบขี้หน้า ส.ต.ต.ทิวา

ด้านนางอรอนงค์เปิดเผยว่า

ตอนนี้ทางญาติอยู่ ระหว่างตามหาตัวนางนภาภรณ์ชนิดพลิกแผ่นดิน เมื่อทราบข่าวพบศพหญิงไม่ทราบชื่อที่ไหน ก็จะเดินทางไปตรวจสอบทันที แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่แน่ชัด ศพต้องสงสัยที่ส่งมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา

ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา

แม้จะใกล้เคียง แต่สภาพศพเน่าอืดมาก ทำให้ดูลักษณะรูปพรรณไม่แน่นอน หากตรวจสอบจริงๆ ต้องใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอ ขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษากับญาติๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลด้วยว่า

พบว่านางนภาภรณ์ทำเรื่องกู้เงินจำนวน 3 แสนบาทจากสหกรณ์ รพ.จุฬาฯ และทางสหกรณ์ฯ ได้อนุมัติเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่นางนภาภรณ์หายตัวไป ก่อนที่จะรับเงินก้อนดังกล่าว ซึ่งทางญาติไม่ทราบว่านางนภาภรณ์ทำเรื่องกู้เงินไปเพื่ออะไร และเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปหรือไม่

ขณะที่พนักงานสอบสวนกล่าวว่า

ได้สอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เท่าที่ทราบคร่าวๆ ส.ต.ต.ทิวาให้ปากคำว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอดีตภรรยา ซึ่งน่าเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ

เพราะ ส.ต.ต.ทิวานำพยานมายืนยันว่า

หลังจากเลิกรากับนางนภาภรณ์แล้ว ไม่ได้ติดต่อกันอีก ตั้งหน้าทำมาหากินอยู่ที่ จ.พิจิตร อย่างเดียว ดังนั้น ต้องเร่งให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัว ส.ต.อ.วุฒิชัย โชเฟอร์แท็กซี่ที่เข้าไปพัวพันกับนางนภาภรณ์ต่อจาก

ส.ต.ต.ทิวามาคลี่คลายเงื่อนงำต่อไป

เบื้องต้นทราบว่า ส.ต.อ.วุฒิชัยเป็นชาว อ.เชียงของ จ.เชียงราย เดิมเป็น ตชด.สังกัดหน่วย ตชด.34 จ.ตาก ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ พ.ต.ต.พจนาจ งบพิมาย สว.สส.สน.เตาปูน

เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

ได้เร่งหารายละเอียดข้อมูลของ ส.ต.อ.วุฒิชัยและนางนภาภรณ์จากญาติๆ เพื่อติดตามหาตัวเป็นการด่วนแล้ว ทราบว่า ส.ต.อ.วุฒิชัยขับรถแท็กซี่ เขียวเหลืองแบบเช่าซื้อ และย้ายบ้านจากย่านคลอง 8 มาอยู่แถวนวมินทร์ ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ หลายหน่วยงานเข้ามาร่วมสืบสวนคลี่คลายคดีนี้

ด้าน พ.ต.ท.สรยุทธ์ ปุสสะ ช่างภาพทางการแพทย์ (สบ 2)

งานถ่ายภาพทางการแพทย์ นต.รพ.ตร.กล่าวว่าหลังจากญาตินางนภาภรณ์ยื่นคำร้องขอตรวจสอบดูภาพศพหรือบุคคลสูญหาย จากการตรวจดูเบื้องต้นด้วยสายตาจากรูปถ่ายของนางนภาภรณ์

ที่นำมาเปรียบเทียบกับศพนิรนามถูกยิงส่งมาจาก

สภ.อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ดูลักษณะรูปคางออกคางแหลมคล้ายกัน ความสูงก็ใกล้เคียงกันประมาณ 165 ซม. อีกทั้งระยะเวลาที่หายตัวไปก็ใกล้เคียงกันอีก

แต่ในชั้นนี้ยังคงไม่สามารถยืนยันตัวได้

ขั้นตอนต่อไปคงต้องตรวจกรุ๊ปเลือด ทราบว่านางนภาภรณ์กรุ๊ปเลือดเอ ในขณะที่ศพนิรนามไม่สามารถตรวจสอบกรุ๊ปเลือดได้ เนื่องจากเน่ามาก ส่วนตำหนิรูปพรรณอื่นๆ ญาติจำไม่ได้ อย่างไร ก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างเส้นผมของศพนิรนามไว้ตรวจดีเอ็นเอได้ตลอดเวลา ถ้าตรงกันก็สามารถขุดศพมาพิสูจน์ได้ทันที

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ