สุวรรณภูมิโฉ่ยุ่นเงินหายซ้ำคดีแหวนเพชรยังชะงักตร.โวยเมินร่วมจับโจร

"สุวรรณภูมิ โฉ่ อีก"



"สุวรรณภูมิ" งามหน้าซ้ำสอง หนุ่มญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่อรายล่าสุด เงิน 800 ยูโรล่องหนขณะกระเป๋าผ่านสายพานลำเลียง

ส่วนคดีแหวนเพชรหายชะงัก

ตร.โวย จนท.สุวรรณภูมิ เมินร่วมจับโจร สงสัยไม่พาแจ้งความกลับไล่ขึ้นเครื่อง จี้บิ๊ก ทอท.แก้ปัญหา ขณะที่กรรมการสอบยอมรับดูภาพเครื่องเอกซเรย์เห็นแหวนจริง

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ต.ท.สิทธิชัย จำปางาม

พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ สารวัตรเวรเจ้าของคดีแหวนเพชร 2.5 กะรัต มูลค่า 5 แสนบาท ของนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันสูญหายขณะผ่านเครื่องเอกซเรย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ

เพื่อจะเดินทางกลับประเทศเยอรมนี

กล่าวว่า ขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิเท่าที่ควร และที่ผ่านมามีผู้เสียหายมาแจ้งความเกี่ยวกับทรัพย์สินสูญหายในสนามบินสุวรรณภูมิบ่อยครั้ง

พ.ต.ท.สิทธิชัย กล่าวอีกว่า

การทำคดีในลักษณะนี้เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิในเรื่องการขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานสำคัญทางคดี



แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้โดยทันท่วงที

เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของสนามบินแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหนังสือขออนุญาตก่อน ทั้งๆ ที่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาพยานหลักฐานมาประกอบคดี

นอกจากนั้น พ.ต.ท.สิทธิชัย

ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากมีคนร้ายจ้องจะขโมยทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวไปจริง ก็จะเลือกคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ หรือกลับประเทศ เพราะผู้เสียหายจะไม่มาเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้

เพราะสามารถหาเงินซื้อใหม่ได้

แต่ที่เสียไปคือความรู้สึก โดยเหตุดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยมากที่สายพาน หรือวัตถุอื่นใดจะเกี่ยวแหวนอันเล็กๆ ที่วางอยู่ในตะกร้าตกหล่น จึงเชื่อว่าหากแหวนหายระหว่างนำเข้าเครื่องเอกซเรย์ต้องมีคนหยิบไป

และสิ่งที่ยืนยันว่ามีคนหยิบไปหรือไม่คือ

ภาพวงจรปิดจากหลายๆ มุม จากกล้องหลายตัวที่ติดตั้งในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่าสถานที่สำคัญอย่างสนามบินจะมีกล้องวงจรปิดเพียงมุมเดียว และที่สงสัยอีกอย่างคือ

วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สนามบิน

ไม่ยอมพาผู้เสียหายมาแจ้งความ กลับเร่งให้ผู้เสียหายขึ้นเครื่องกลับ โดยออกใบเคลมชดใช้ค่าเสียหายให้ นั่นแสดงว่าสนามบินยอมรับว่าแหวนเพชรของนักท่องเที่ยวหายระหว่างนำเข้าเครื่องเอกซเรย์



"การประสานงานระหว่างตำรวจ

กับสนามบินเป็นไปได้ยาก เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือ แค่เราขอดูวงจรปิดยังต้องให้ผ่านหลายขั้นตอน ทั้งที่เรามีอำนาจขอดูได้ แต่ดูเหมือนทางสนามบินไม่ใส่ใจกับผู้เสียหาย แค่เขียนใบเคลมของหายให้ก็จบ

เรื่องนี้ทางสนามบินน่าจะให้ความร่วมมือ

กับตำรวจมากกว่านี้ เพื่อความรวดเร็วในการจับคนร้าย อยากให้ผู้ใหญ่ของการท่าอากาศยานไทย (ทอท.) แก้ไขด้วย เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย" พ.ต.ท.สิทธิชัย กล่าว

วันเดียวกัน น.ส.ปิยรัตน์ ดรบัณฑิต

ญาติของ ดร.ริชาร์ด ชโรบอฟ อายุ 60 ปี ชาวเยอรมัน ผู้เสียหายได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขออนุญาตดูเทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดต่อ พ.ต.ท.สิทธิชัย พร้อมกันนั้นยังได้เดินทางเข้าพบ

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวในสนามบินสุวรรณภูมิ

โดยตำรวจท่องเที่ยวได้แนะนำให้นำเอกสารสำคัญ รวมทั้งหนังสือมอบอำนาจ และหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงข่าวมาเป็นหลักฐานเพื่อขอพบ ผอ.การท่าอากาศยานไทย

ด้าน ดร.ริชาร์ด ผู้เสียหาย กล่าวว่า

หลังจากทราบว่าสื่อมวลชนไทยติดตามเสนอข่าวเรื่องการตรวจสอบหาความจริงเรื่องแหวนเพชร ก็รู้สึกดีใจที่ประเทศไทยไม่ได้เพิกเฉยที่จะนำตัวคนกระทำความผิดมาลงโทษ



ขณะที่หนึ่งในคณะกรรมการกลาง

ที่ถูกแต่งตั้งให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ยังไม่สามารถชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด

นอกจากนี้แหล่งข่าวระดับสูงใน ทอท.

เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากเครื่องเอกซเรย์พบแหวนเพชรวงดังกล่าวอยู่ในตะกร้าที่มีกล้วยน้ำว้ารวมอยู่ด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการให้ข่าว และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทอท.

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน

พ.ต.ท.สิทธิชัย ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งว่า หลังจากลงจากเครื่องบินพบว่าเงินจำนวน 800 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 56,000 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถูกลำเลียงออกจากสายพานได้สูญหายไป

แต่ผู้เสียหายไม่แน่ใจว่าเงินสูญหาย

ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินนำกระเป๋าลงจากเครื่อง หรือหายขณะกระเป๋าถูกลำเลียงมาตามสายพาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่สนามบินก็ไม่ได้ให้ใบเคลม เพียงแต่ลงบันทึกไว้เท่านั้น



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์