2 พตอ.กล้าตาย ขอปราบโจรป่วนใต้

"ใต้ยังบานปลายไม่จบสิ้น"



จากสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่กลายเป็นปัญหายืดเยื้อบานปลาย ไม่มีทีท่าจะสงบ

กลุ่มโจรยังออกอาละวาดทั้งลอบวางระเบิด

และไล่ยิงเจ้าหน้าที่ของรัฐและชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายรายวัน ล่าสุด พ.ต.อ. นพดล เผือกโสมณ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พลาดท่าเหยียบกับระเบิดของคนร้ายแขนและขาขาดบาดเจ็บสาหัสยังนอนรักษาใน รพ.สงขลานครินทร์

ในขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

รักษาการ ผบ.ตร. มีนโยบายรับสมัครตำรวจที่สมัครใจไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่มีเงื่อนไขและหวังตอบแทน เพื่อทดแทนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงตายในพื้นที่นั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจ

นครบาล พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. ทำหนังสือเวียนส่งถึงแต่ละกองบังคับการในสังกัด เพื่อรวบรวมรายชื่อตำรวจที่สมัครใจไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้

ปรากฏว่ามีนายตำรวจแสดงความจำนง

แล้ว 2 ราย คือ พ.ต.อ.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบก.จร. และ พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.จร. โดย พ.ต.อ. กรีรินทร์เปิดเผยถึงการขอไปทำงานที่ จ.ปัตตานี ว่า เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ถวายแด่ในหลวง



ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา

และมีความเชื่อมั่นในภาวะผู้นำของรักษาการ ผบ.ตร. อีกทั้งบ้านเดิมอยู่ จ.สุราษฎร์ธานี คุ้นเคยกับชาวใต้ดี ต้องการทำงานด้านมวลชนและงานปราบปรามควบคู่กันไป โดยเน้นให้ขวัญกำลังใจกับตำรวจ ซึ่งการเสนอตัวไปครั้งนี้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น

ส่วน พ.ต.อ.โชติเปิดเผยว่า

ทำเรื่องขอเสนอตัวไปทำงานที่ จ.ยะลา เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตราชการที่เหลืออีก 6 ปี ก่อนเกษียณราชการ เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่ในหลวงและพระราชินี ต้องการไปทำงานด้านคุมกำลังรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

ถึงแม้ไม่เคยอยู่ชายแดนมาก่อน

แต่ก็จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ การเสนอตัวไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าถูกทำโทษหรือมีเรื่องขัดแย้งกับ บก.จร. แต่ด้วยความตั้งใจมานานแล้ว เมื่อทางรักษาการ ผบ.ตร.มีนโยบายหาผู้สมัครใจไปปฏิบัติหน้าที่ก็รีบตอบรับทันที

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่มีรายงานว่า

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.อ.ชลอ ยวนเกิด ผกก.สภ.อ. จะแนะ จ.นราธิวาส พร้อม พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ. จ.นราธิวาส นำกำลังไปตรวจสอบเหตุระเบิดข้างร้านน้ำชาเลขที่ 37/1 ตั้งอยู่หน้า ร.ร.บ้านปารี

หมู่ 4 ต.จะแนะ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

พบหลุมระเบิดกับชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อน สอบพบคนร้ายนำระเบิดมาซุกหมายสังหารชุด ชรบ.ทำหน้าที่ รปภ.โรงเรียน ที่ปกติจะมานั่งพักที่ร้านน้ำชา



แต่ขณะเกิดเหตุฝนตกหนักชุด

ชรบ.พากันไปหลบในอาคารโรงเรียนแทน คนร้ายคิดว่าเป้าสังหารหลบฝนในร้านน้ำชา จึงกดชนวนระเบิด เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับอันตราย

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนราธิวาส

นายวิชิต ชาตไพสิฐ รอง ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 100 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 8,459,992 บาท แยกเป็นเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 2 ราย

เป็นเงิน 1,000,000 บาท

และบาดเจ็บ 12 ราย เป็นเงิน 390,000 บาท ประชาชนเสียชีวิต 15 ราย เป็นเงิน 2,000,000 บาท และบาดเจ็บ 43 ราย เป็นเงิน 1,120,000 บาท ทรัพย์สินเสียหาย 22 ราย เป็นเงิน 3,679,392 บาท และพืชผลทางการเกษตรเสียหาย 6 ราย เป็นเงิน 270,600 บาท

ส่วนที่หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี

มีประชาชนชาวไทยพุทธและมุสลิมใน จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ประมาณ 1 พันคน มาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการ แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยถือธงชาติโบก สะบัด ร้องเพลงปลุกใจ

และถือป้ายประณามกลุ่มโจร

ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศรัยประณามโจร และตำหนิรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายการแก้ปัญหาชายแดนใต้ เรียกร้องให้เลิกโครงการสมานฉันท์เพราะไม่รู้ว่าสมานฉันท์ กับใคร และให้



โอไอซีเข้ามาดูแลเพราะประชาชนจะตายกันหมดแล้ว

และนับวันเหตุการณ์จะรุนแรงมากขึ้น ส่วนนโยบายของรัฐในการแก้ปัญหาล้มเหลวไม่เอาจริงเอาจัง ในขณะที่คนร้ายกลับมีความแข็งแกร่งขึ้น ที่น่าสลดใจคือ การเตรียม ประกาศนิรโทษกรรมแก่โจร อยากให้รัฐบาลหันมาดูความจริงที่เกิดขึ้นและตรวจสอบ อย่าปล่อยให้คนร้ายลอยนวล

ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมยังได้ประณามคนร้าย

ลอบวางระเบิดตลาดโต้รุ่งกลางเมืองปัตตานี ว่ามีจิตใจโหดร้ายทารุณ เป็นพวกไม่มีศาสนา และขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียและบาดเจ็บ การรวมพลังครั้งนี้เพื่อแสดงความสามัคคีและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน

และได้ยื่นข้อเรียกร้องผ่าน ผวจ.ปัตตานี

เพื่อส่งไปยังนายกรัฐมนตรี รวม 4 ข้อ คือ 1. ให้รัฐทบทวนนโยบายที่ผ่านมา โดยเฉพาะมาตรการการใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ ยิ่งทำให้ เหตุการณ์เลวร้ายลง 2. ให้รัฐบาลใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด

ปราบปรามจับกุมตรวจค้น

เมื่อจับกุมคนผิดต้องดำเนินคดีเฉียบขาด 3. ให้รัฐบาลสนับสนุนการทำงานดูแลความปลอดภัยของชุมชนเมือง เช่นการสนับสนุนอาวุธ เครื่องมือสื่อสาร ค่าตอบแทนแก่กลุ่มราษฎรอาสาที่ทำงานในเขตชุมชนเมือง

และ 4. ให้รัฐบาลใช้เวลาคิด

และประกาศแนวทางใหม่ให้พี่น้องประชาชนทั้ง 3 จังหวัดได้รับทราบภายใน 10 วัน หากยังนิ่งเฉยก็จะมารวมพลังกันอีกครั้ง



อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้ผู้ชุมนุม

ได้ประกาศตัวพร้อมเป็นอาสาสมัครดูแลชุมชนเมืองประมาณ 200 คน และมีการเรี่ยไรทำบุญให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ระเบิดกลางเมืองปัตตานีที่ผ่านมา จากนั้นนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี

ได้รับหนังสือข้อเรียกร้อง

และรับปากว่าจะส่งมอบผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อแก้ปัญหากัน จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวไป

กรณีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กชุมนุมประท้วง

ปิดถนนที่บ้านกรงปินัง หมู่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เพื่อกดดันให้ถอนกำลังทหารพรานออกจากพื้นที่ และให้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยกว่า 20 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปสอบและยังไม่ยอมสลายตัว

ต่อมาตอนสายวันที่ 4 พ.ค. พ.ต.อ.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์

ผกก.สภ.อ.กรงปินัง พ.อ.วัฒนา กรมขันธ์ รอง ผบ.ฉก.1 และนายสมเกียรติ ศรีษะเนตร นอภ.กรงปินัง เดินทางไปเจรจากับผู้ชุมนุมและทางแกนนำได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ถอนกำลังทหารพรานร้อย ทพ.4107

ออกจากพื้นที่บ้านอุเป หมู่ 9 ต.กรงปินัง

โดยไม่มีเงื่อนไข และให้ปล่อยตัวชาวบ้านทั้ง 24 คนที่ถูกนำตัวไปสอบ เจ้าหน้าที่ได้รับข้อเรียกร้องไปดำเนินการ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ไปรับตัวโต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านอุเป



หมู่ 9 ต.กรงปินัง ที่ถูกคุมตัวมาพบกับผู้ชุมนุม

ทำให้ผู้ชุมนุมมีทีท่าอ่อนลงและจะสลายตัว แต่กลุ่มผู้ไม่หวังดีคอยยุแหย่ให้ชุมนุมกดดันต่อไป

ขณะชาวบ้านชุมนุมปิดถนนในพื้นที่ อ.กรงปินัง

ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่สามารถสัญจรบนเส้นทางดังกล่าว ปรากฏว่าชาวบ้านไม่พอใจกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนได้ชุมนุมปิดถนนอีก 2 จุดที่บ้านบันนังบูโบ หมู่ 3 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา

และที่หน้า ร.ร.ธารโตวัฑฒนวิทย์

บ้านธารโต หมู่ 1 ต.ธารโต อ.ธารโต โดยเฉพาะที่บ้านบันนังบูโบ มีทั้งไทยพุทธและมุสลิมกว่า 200 คน นำเต็นท์และรถ จยย.มาจอดขวางถนนชุมนุมอย่างสงบ เรียกร้องให้กลุ่มชาวบ้านที่ประท้วงปิดถนนที่ตลาดกรงปินังสลายตัว

ต่อมานายพนิต ยอดพานิชย์ ปลัดอาวุโส

อ.บันนังสตา เดินทางไปเจรจากับผู้ชุมนุม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมแจ้งว่าจะไม่ยอมสลายตัวอย่างเด็ดขาด นอกจากกลุ่มม็อบที่ตลาดกรงปินังจะสลายตัวไปก่อน และให้ทางจังหวัดสั่งการเด็ดขาดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะชาวบ้านทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค.

ร.ต.ต.ชานนท์ นวลนิ่ม ร้อยเวร สภ.อ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บ 2 รายที่บ้านควนหวัน หมู่ 10 ต.ท่าม่วง ทราบชื่อนางอำนวย ช้างซ้าย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ในท้องที่ดังกล่าว



และนายพิชิต ทองเชียง อายุ 25 ปี

ลูกเขยของนางอำนวย ทั้งคู่ถูกยิงด้วยปืน 9 มม.ที่สะโพกและขาซ้ายคนละ 3 นัดอาการสาหัส นำส่ง รพ.หาดใหญ่ สอบพบว่าคนเจ็บมีอาชีพเลี้ยงวัว ถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ประกบยิงขณะกำลังต้อนวัวเข้าคอก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งประเด็นกลุ่มแนวร่วมโจรใต้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์

ต่อมาเวลา 21.15 น. วันเดียวกัน

กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงนายสะมะแอ ดอเย็ง อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 176/1 หมู่ 8 บ้านเจาะซีโปะ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ขณะนอนอยู่ในบ้านกระสุนเจาะร่างพรุนเสียชีวิตคาที่

ส่วน ด.ญ.อัสนี ดอเย็ง วัย 7 ขวบ ลูกสาว

และ ด.ช.ลุกมาน ดอเย็ง วัย 4 ขวบ ลูกชายถูกยิงเข้าตามร่างกายอาการสาหัสถูกนำส่ง รพ.ธารโต และสิ้นใจตายในเวลาต่อมาทั้ง 2 คน หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.อลงกรณ์ สีมาบุตร ผกก.สภ.อ.ธารโต รับแจ้งนำกำลังไปสอบสวนติดตามจับกุมคนร้าย เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์