มอบตัวสู้คดีข่มขืนสาวเบนซ์

"มอบตัวแล้ว หนุ่มการทางฯ"



หนุ่มการทางพิเศษฯ รุดมอบตัวต่อสู้คดี หลังถูกสาวโชว์รูมเบนซ์แจ้งจับ ข้อหาข่มขืน กักขังหน่วงเหนี่ยว

และทำให้เสียทรัพย์ ปฏิเสธทุกข้อหา

ขอให้การในชั้นศาล พี่สาวสุดทนแฉสิ้น อยู่กินด้วยกันมา 10 ปีแล้ว ทะเลาะกันมาตลอด เพราะน้องชายชอบเที่ยวกินเหล้า ส่วนฝ่ายสาวก็ทำตัวไม่ดี จึงเกิดความรุนแรงขึ้น ขอความเป็นธรรมให้น้องชาย

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 พ.ค.

นายชัยวัฒน์ จันทร์มี อายุ 32 ปีเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยระดับ 5 ผู้ต้องหาคดีทำให้เสียทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเรา หน่วงเหนี่ยวกักขัง น.ส.ประนอม ภู่ภักดี อายุ 30 ปี อดีตแฟนสาว

พนักงานโชว์รูมเบนซ์ สาขางามวงศ์วาน

พร้อมญาติและทนายความเดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อเดินทางมาถึงญาติ ๆ พยายามกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพ จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าไปสอบปากคำภายในห้องของ

พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ทันที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน

เข้าไปบันทึกภาพทำข่าวแต่อย่างใด หลังสอบปากคำประมาณ 30 นาทีก็เสร็จสิ้น และควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินการต่อไป



พ.ต.อ.วัชรพงศ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้ง 3 ข้อหา

คือ ทำให้เสียทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเราและหน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทางญาติของผู้ต้องหาได้ทำเรื่อขอประกันตัว ซึ่งจะต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาคือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 เป็นผู้พิจารณาก่อน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ

ด้านนางชนัฐธร พิบูลย์ธนานนท์ อายุ 39 ปี

พี่สาวของผู้ต้องหา เปิดใจว่า เรื่องที่สื่อลงข่าวไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะความจริงแล้วทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอยู่กินด้วยกันมาเป็น 10 ปี แล้ว เนื่องจากน้องชายตนรู้จักฝ่ายหญิงตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่

ปกติทั้งสองคนก็มักมีปากเสียงทะเลาะกันบ้าง

แต่ไม่นานก็คืนดีกันเป็นประจำ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากที่น้องชายตนและฝ่ายหญิงมีความต้องการอยากจะมีรถทัวร์สักคันหนึ่ง ช่วงประมาณเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จึงมาปรึกษาตน เพราะเห็นว่าประกอบอาชีพให้เช่ารถทัวร์อยู่แล้ว อยากให้ช่วยหารถทัวร์ให้

พี่สาวผู้ต้องหาเล่าต่อว่า หลังจากนั้นมีคนเอารถทัวร์มาขายให้

ตนจึงขายต่อให้ทั้งสองคนไปในราคา 2.7 ล้านบาท มีการวางเงินดาวน์ไปแล้ว 7 แสนบาท แบ่งเป็นเงินของน้องชาย 2 แสน เงินของฝ่ายหญิง 5 แสน ตนเป็นคนจัดไฟแนนซ์ให้ผ่อนเดือนละ 58,850 บาท เป็นเวลา 48 เดือน

แต่ไม่ได้ทำหลักฐานการซื้อขาย

เพราะเห็นว่าเป็นคนในครอบครัว หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียว ทั้งสองคนก็มีปัญหาทะเลาะกันอีก ฝ่ายหญิงโทรศัพท์มาบอกตนว่าจะไม่ซื้อรถทัวร์แล้ว เพราะนายชัยวัฒน์ เอาแต่เที่ยวกินเหล้าเมาไม่ยอมกลับบ้าน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกัน ก่อนมาบอกว่าตกลงจะร่วมกันซื้อรถทัวร์เหมือนเดิม



นางชนัฐธร กล่าวอีกว่า หลังจากทั้งสองคน

ร่วมกันผ่อนมาได้เพียงงวดเดียว ก็มีปัญหาทะเลาะกันอีก สาเหตุจากที่น้องชายตนไปร่วมงานศพของเพื่อน แล้วเลยไปเที่ยวต่อโดยไม่ได้บอกฝ่ายหญิง ทำให้ฝ่ายหญิงโกรธโทรศัพท์มาบอกอีกว่าจะไม่ซื้อรถแล้ว

ทั้งจะขอเงินค่าดาวน์รถ 5 แสนคืนอีกด้วย

ตนรำคาญจึงบอกไปว่าจะคืนให้ก็ได้ แต่ต้องรอให้ขายรถได้เสียก่อน จนกระทั่งช่วงเช้าวันเกิดเหตุ (27 เม.ย.) น้องชายกลับมาคอนโด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ทำงานของฝ่ายหญิง แต่ไม่กล้าจะเคาะห้อง

คิดว่าฝ่ายหญิงคงไม่เปิดประตูออกมาคุยด้วยโดยดี

จึงยืนรออยู่หน้าห้อง ระหว่างนั้นเกิดเอะใจก้มลงไปมองลอดช่องใต้ประตู เพื่อจะดูว่าฝ่ายหญิงอาบน้ำเสร็จหรือยัง แต่กลับต้องตกใจเมื่อพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่กับฝ่ายหญิง

ด้วยความเสียใจจึงวิ่งลงมาร้องไห้ด้านล่างของคอนโด

ก่อนเดินไปดักรอฝ่ายหญิงที่โชว์รูม หวังจะคุยกันเคลีย์ปัญหาหัวใจ เมื่อฝ่ายหญิงมาถึงก็เป็นเรื่องตามที่เป็นข่าวว่า น้องชายตนทุบกระจกรถ ขับรถพาฝ่ายหญิงออกไป

"เรื่องที่หาว่าน้องชายข่มขืนนั้นไม่น่าจะใช่

เพราะทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันมานับ 10 ปี แล้ว รถคันเล็กแค่นั้นจะไปข่มขืนได้อย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าน้องชายพาเขาไปขังไว้ที่บ้านย่านคลองสี่นั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน

เพราะน้องชายพาเขาไปที่บ้านดิฉันเอง

ไม่ได้กักขังด้วย พ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ยังมาที่บ้านพูดคุยกันอยู่นานอีกต่างหาก ดิฉันจึงขอความเป็นธรรมให้น้องชายด้วย" นางชนัฐธร กล่าว



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์