หนุ่มใหญ่เครียดหนี้สิน-โรคร้ายแรงกระโดดตึกสตช.ดับ

หนุ่มลูกจ้างชั่วคราวฝ่ายฌาปณกิจสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจ กระโดดชั้น 10 อาคารสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ดับอนาถ พบจดหมายลาตาย ระบุขอโทษแม่ที่ฆ่าตัวตาย เหตุปัญหาหนี้สิน-เป็นโรคร้ายแรง

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 2 พฤษภาคม

ร.ต.ต.สมเกียรติ อภัยนอก ร้อยเวรสอบสวน สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุชายตกจากที่สูงเสียชีวิต ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม.

จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น

และรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง ผกก. สน.ปทุมวัน แพทย์เวรโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถชั้น 2

ของอาคารสำนักงานกำลังพล มีความสูง 12 ชั้น ซึ่งอยู่หน้าอาคารสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจกำลังพล จำกัด พบศพนายสมคิด กันทอน 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/3 ม.5 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา

เป็นลูกจ้างชั่วคราวฝ่ายฌาปณกิจสงเคราะห์

ข้าราชการตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงยีนส์ขายาว ศีรษะแตกใบหน้ายุบ แขนขาหักนอนจมกองเลือด ตรวจสอบในร่างกาย ภายในกระเป๋าเสื้อ

พบจดหมายลาตาย ระบุว่า

"ขอโทษแม่ที่ต้องฆ่าตัวตาย มีหนี้สินมาก และลูกกำลังจะเปิดเทอมหาทาออกไม่ได้ และมีโรคประจำตัวร้ายแรง ฝากให้แม่ใช้หนี้สินบางส่วน และเลี้ยงดูลูกให้ด้วย"

จากการสอบสวน ส.ต.อ.นรินทร์ วิเคราะห์กิจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดสำนักงานกำลังพล ซึ่งเป็นหลานผู้ตาย ให้การว่าก่อนเกิดเหตุนั่งดูฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รอบรองชนะเลิศ ระหว่างทีมลิเวอร์พูล กับ เชลซี ที่ห้องทำงานของนายสมคิด

ซึ่งอยู่ชั้น10 ของอาคารดังกล่าว

จนถึงเวลา 04.30 น. หลังจากฟุตบอลจบก็แยกย้ายกลับห้อง ซึ่งในระหว่างนั้นไม่พบว่าผู้ตายความเครียด หรือโศกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด อาการทุกอย่างปกติดี แต่มารู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ก็รู้สึกแปลกใจ

ด้าน พ.ต.อ.วัลลภ กล่าวว่า

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่ระเบียงชั้น 10 พบเก้าอี้วางอยู่ และพบรอยเท้า พร้อมก้นบุหรี่ คาดว่าผู้ตายน่าจะกระโดดมาจากชั้น 10 ส่วนสาเหตุพบจากจดหมายลาตาย ระบุว่าเป็นเรื่องหนี้สิน เศรษฐกิจ โรคประจำตัวร้ายแรง

โดยต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าป่วยเป็นโรคอะไร

ซึ่งขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะต้องเรียกญาติผู้ตายมาสอบสวนหารายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนศพต้องส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ตำรวจ ทำการชันสูตรหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก