ฆ่าอำมหิต.! หมกห้อง ถุงคลุมหัวสายไฟรัด

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ร.ต.ท.อนิวรรต ธิชาญ ร้อยเวร สภ.ต.พัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่าตายภายในห้องเช่าบนอาคารพาณิชย์ เลขที่ 111/83 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก. พ.ต.ท.ศิริชัย ครูประเสริฐวัฒนา รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ รอง ผกก. สส. พ.ต.ท.ไชยกฤษณ์ ทองอินทร์ สว.สส. แพทย์เวร รพ. บางละมุง และหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ ไปตรวจสอบ ที่ เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น

โดยแต่ละชั้นแบ่งเป็นห้องเช่า 10 ห้อง บนห้องพักชั้น 4 พบกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา

มีผ้าห่มสีฟ้าขาวคลุมศพไว้ เมื่อเปิดผ้าห่มออกปรากฏศีรษะผู้ตายถูกคลุมด้วยถุงพลาสติกใสขนาดใหญ่

ส่วนที่ลำคอถูกรัดด้วยสายไฟแน่นหลายรอบจนตาถลนลิ้นจุกปาก ลำตัวเขียวช้ำหลายแห่ง ผู้ตายสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา

ทราบชื่อต่อมา น.ส.อัญชิสา โพธิชัยศรี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 2 ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อาชีพพนักงานแคชเชียร์ ร้านจรรยาไทย ซิลค์

ซึ่งเป็นร้านขายผ้าไหมไทยและตัดชุดไทย แพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ภายในห้องมีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจัดกระจาย

แต่คนร้ายไม่แตะต้องทรัพย์สินของผู้ตายแต่อย่างใด จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายให้แน่ชัด

สอบปากคำ น.ส.ขวัญตา ดลสุขเลิศ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านจรรยาไทย ซิลค์ ตั้งอยู่บนห้างรอยัลการ์เด้น และเป็นนายจ้างของผู้ตายให้การว่า น.ส.อัญชิสา ผู้ตายเป็นแคชเชียร์ของร้าน เป็นคนนิสัยดี ร่าเริง

ก่อนหน้าที่จะมาพบศพ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันไหลพัทยา ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์เมืองพัทยา ทางร้านได้หยุดให้ พนักงานไปร่วมเล่นสาดน้ำ กระทั่งวันรุ่งขึ้น 20 เม.ย. น.ส.อัญชิสาไม่มาทำงาน ตนคิดว่าอาจเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียจากการเล่นสาดน้ำ และไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากวันที่ 19 เม.ย. ผู้ตายยังโทรศัพท์มาชวนไปเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ด้วยกัน

แต่หลังจากผ่านไป 2 วัน น.ส.อัญชิสาก็ยังไม่มาทำงานอีก ติดต่อก็ไม่ได้ จึงเกิดความสงสัยว่าน่าจะเกิดเหตุร้าย เพราะ น.ส.อัญชิสาอยู่ลำพังคนเดียว จึงให้พนักงานร้านขึ้นไปตรวจสอบดูที่ห้องพัก

พบว่าประตูปิดล็อกจากด้านนอกด้วยกุญแจ แต่มีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยออกมา ตัดสินใจพังประตูเข้าไปก็พบว่า น.ส.อัญชิสาถูกคนร้ายฆ่าตายแล้ว

พ.ต.ท.ศิริชัย ครูประเสริฐวัฒนา รอง ผกก.ป.สภ.ต.พัทยา กล่าวว่า เบื้อง ต้นคาดว่ามาจากเรื่องชู้สาว เพราะจากการสอบปากคำนายจ้างของผู้ตายยังให้การอีกว่า น.ส.อัญชิสามีแฟนหนุ่ม เป็นชาวอินเดีย คบหากันได้ 2 ปีเศษ แฟนหนุ่มส่งเสียเลี้ยงดูให้เงินใช้เป็นประจำ

แต่ไม่ได้อยู่กินด้วยกันที่เมืองไทย ระยะหลังแฟนหนุ่มอินเดียจับได้ว่า น.ส.อัญชิสา เกิดนอกใจแอบไปคบกับหนุ่มไทยถึง 2 คน จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เป็นเหตุให้แฟนหนุ่มอินเดียน้อยใจบินกลับประเทศไป

เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา การสอบสวนของตำรวจยังทราบอีกว่าแฟนไทยคนแรกชื่อนายต้อม ไม่ทราบว่าทำงานอยู่ที่ใด ส่วนอีกคนชื่อนายเอฟ เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารย่านพัทยาเหนือ

ซึ่งนายต้อม นิสัยเป็นคนอารมณ์ร้อน มักจะมีปากเสียงถึงขั้นลงมือทำร้าย น.ส.อัญชิสาอยู่บ่อยครั้ง

แต่แฟนหนุ่มไทยทั้งคู่ ก็ยังวนเวียนไปมาหาสู่ผู้ตายอยู่เป็นประจำ ซึ่งตำรวจจะติดตามตัวนายต้อม และนายเอฟ มาสอบปากคำเพื่อคลี่คลายคดีต่อไป

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ