พบรูปฉาวพระคู่สาวถ่ายในกุฏิ

ฉาวอีกแล้วโคโยตี้ในวัดเชียงใหม่ เต้นยั่วในงานฉลองพัดยศเจ้าอาวาส พลเมืองดีแจ้งเจ้าหน้าที่โร่ระงับทันที

อีกคดีผงะภาพพระถ่ายคู่กับหญิงสาวชาวต่างชาติในกุฏิ

หวั่นพุทธศาสนามัวหมอง ประธานชมรมดูแลพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ นำซีดีเข้าร้องสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตรวจละเอียดพบเป็นภาพถ่ายมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะนำภาพจากกล้องมาบันทึกลงซีดีในร้านอินเตอร์เน็ต

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 19 เม.ย.

ณ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ชั้นที่ 4 บนศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพงษ์ ศรีวิชัย อายุ 56 ปี ประธานชมรมดูแลพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ได้นำซีดีที่บันทึกภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เป็นผู้หญิงถ่ายภาพคู่กับพระสงฆ์ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมในกุฏิ

และร้องให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบ

ว่าเป็นพระสงฆ์ที่วัดแห่งหนใด และออกประชาสัมพันธ์ตักเตือนไปยังวัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์หรือสามเณร รวมทั้งบริษัททัวร์และไกด์ต่างๆ ให้แนะนำและบอกกล่าวกับนักท่องเที่ยวถึงสถานที่สำคัญของไทยไม่ควรกระทำใดๆ ในลักษณะลบหลู่

โดยนายจำลอง กิติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่

ได้รับหนังสือและซีดีดังกล่าวไว้ จากนั้นก็ได้นำภาพจากซีดีมาเปิดตรวจสอบและนำกล้องขยายมาดูรอบบริเวณที่มีการบันทึกภาพว่าเป็นวัดใดอย่างไร ซึ่งภาพในซีดีนั้นเป็นภาพนิ่ง ถ่ายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นผู้หญิงถ่ายคู่กับพระสงฆ์ใน

ลักษณะท่าทางที่ไม่เหมาะสมหลายท่า

หลายรูปแบบในกุฏิของพระสงฆ์รูปดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของผอ. ด้วยแว่นขยายส่องดูพื้นที่รอบๆ ในรูปภาพพบว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นกุฏิของวัดในประเทศเพื่อนบ้าน และพระสงฆ์ดังกล่าวก็ไม่ใช่พระสงฆ์ไทย

นายวีระพงษ์ เปิดเผยว่า

ร้านเพื่อนตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ทำร้านอินเตอร์เน็ตอยู่ และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาใช้บริการและทางร้านของเพื่อนนั้นรับบริการเก็บข้อมูลเข้าแผ่นซีดี หรือบันทึกลงซีดีให้กับนักท่องเที่ยวที่ถ่ายภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อลงแผ่นซีดี

ต่อมาได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาขอให้บันทึกภาพ

จากกล้องดิจิตอลลงแผ่นซีดี ซึ่งเป็นภาพไม่เหมาะสมระหว่างนักท่องเที่ยวเจ้าของกล้องเองกับพระสงฆ์ เพื่อนจึงได้แจ้งมายังตนให้ขอมาดู ซึ่งเพื่อนได้บอกว่าได้บันทึกภาพลงซีดีส่งให้กับนักท่องเที่ยวไปแล้วแต่ได้เก็บข้อมูลไว้ส่วนหนึ่ง

จึงได้ขอภาพที่เหลือและนำบันทึกลงซีดีและเข้าร้องเรียน

กับผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ดังกล่าวเพื่อให้ตรวจสอบ และช่วยตักเตือนไปยังพระสงฆ์สามเณรวัดต่างๆ ให้ระมัดระวัง เพราะหวั่นจะเสียภาพพจน์พุทธศาสนาในไทยโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่

นายจำลอง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพซีดีอย่างละเอียดแล้ว

พบว่าพระสงฆ์หรือสามเณรในภาพนั้นเป็นพระสงฆ์หรือสามเณรจังหวัดหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้ส่องดูบริเวณรอบๆ ข้างในภาพพบบัตรประจำตัวหรือใบสุทธิพระสงฆ์ที่ห้อยอยู่ข้างฝากุฏิเขียนเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทย

อย่างไรก็ตามจะได้ประสานกับทางกระทรวงการต่างประเทศ

เพื่อประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ได้รับรู้และประกาศตักเตือนพระสงฆ์หรือสามเณรในวัดรับผิดชอบของเขา เพื่อให้ดำเนินการในจุดนี้ ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชนด้วยกัน เราคงไม่สามารถที่จะยินยอมอย่างนี้ได้

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะทำหนังสือไปยังบริษัทท่องเที่ยว

บริษัททัวร์ในเชียงใหม่และสมาคมมัคคุเทศก์ในจังหวัด เพื่อแจ้งให้กับไกด์คนไทยได้รับทราบและเมื่อพานักท่องเที่ยวไปสถานที่สำคัญต่างๆ เช่นวัด หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ก็ให้อธิบายแนะนำถึงสิ่งที่คนไทยเคารพ

ไม่ควรกระทำหรือปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งถวายข้อมูลให้กับพระสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ช่วยกันดูแลพระสงฆ์สามเณรที่อยู่ในบังคับบัญชาแต่ละเจ้าอาวาส

นายวัลลภ นามวงค์พรหม คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่

เปิดเผยว่า กรณีบุคคลที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธและไม่ได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพระธรรมวินัยของสงฆ์มักจะคิดว่าเป็นสมมติและเป็นศีลธรรมอะไรได้หลายๆ อย่าง ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

เพราะว่าพุทธศาสนาเรานั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งกว่านั้น

ทำให้มีประชาชนชาวไทยนับถือกันจำนวนมาก ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากเราไปทำอะไรที่นอกเหนือกับสิ่งที่ประชาชนเคารพนับถือหรือเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณถือว่าลบหลู่ ถือว่าจาบจ้วง

เรื่องเหล่านี้หน้าที่ของสถานทูตก็ตาม หน้าที่ของททท.

ก็ตามมีส่วนอย่างยิ่งที่จะแนะนำประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ให้ทั่วถึงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่หรือในประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบว่าอะไรควรไม่ควร และหากเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะต้องทำหรือปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสม

อีกคดีเป็นความฉาวที่ จ.เชียงใหม่ โดยเมื่อเวลา 22.30 น.

วันเดียวกัน พ.ต.ท.กิตติพงษ์ สุขวัฒนพันธ์ รองผกก.ป.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่, พ.ต.ต.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ สวป. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดปราสาท ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมือง

ได้มีการจัดคอนเสริต์ดนตรีมีหางเครื่องมาเต้นในวัด

ในลักษณะที่หางเครื่องนั้นนุ่งสั้น เป็นงานที่ไม่เหมาะสม ขอให้ทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจกว่า 20 นาย

เมื่อไปถึงพบว่าภายในวัดมีการจัดเวทีเปิดเล่นคอนเสิร์ต

โดยจ้างวงดนตรีชื่อ "คณะน้องนางบ้านนา" มาเล่นและมีหางเครื่องในลักษณะโคโยตี้มาเต้นนุ่งน้อยห่มน้อย บริเวณหน้าเวทีมีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ เต้นกันอย่างสนุกสนาน บางคนอยู่ในอาการมึนเมาสุรา

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำรถขายอาหารมาจอดบริเวณหน้าวัด

คล้ายกับมีงานรื่นเริงด้วย เมื่อเห็นดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ดูแล้วเป็นภาพไม่เหมาะสมอย่างยิ่งจึงได้สั่งให้หยุดการแสดงโดยทันที กลุ่มนักร้องและหางเครื่อง พร้อมกับกลุ่มนักเต้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็ตกใจเมื่อเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดแสดง

ขณะเดียวกัน กลุ่มชาวบ้านที่มีอาการมึนเมาและพระในวัดเอง

ก็ต่างออกมาต่อว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนที่มาทำลายบรรยากาศของงาน และมีพระสงฆ์บางรูปนำกล้องมาถ่ายตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่พร้อมต่อว่าเจ้าหน้าที่

จากการสอบสวนได้ทราบว่าวงดนตรีดังกล่าวนั้น

ทางศรัทธาของวัดได้จ้างมาเล่นในวัดฉลองพัดยศและวัดเกิดของเจ้าอาวาส หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามปรามก็มีการเล่นดนตรีต่อไปแต่ไม่มีหางเครื่อง

นายจำลอง กิติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า

ขณะนี้พระสงฆ์และมติมหาเถรสมาคมได้ออกข้อห้ามไม่ให้นำโคโยตี้หรือการแต่งกายที่ไม่เหมาะซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุทางกามารมณ์เข้ามาละเล่นแสดงภายในวัดแล้ว ถ้าพบเห็นว่ามีอีกถือว่าทำวัดนั้นทำผิดตามมติมหาเถรสมาคมจะต้องลงโทษกับพระสงฆ์ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูและชมด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้แจ้งผ่านไปทางอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้าน

แล้วด้วย ถ้าหากเกิดมีในวัดใดทางเจ้าคณะจังหวัดและพระปกครองคงจะต้องมีการลงโทษลงทัณฑ์ผู้เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นประเด็นปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องอีก

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด