บุกยิงกลางม.สหรัฐนศ.ดับ32 ผู้ท้าชิงปธน.แสดงความเสียใจ

17 เมษายน 2550 13:19 น.

คนร้ายถือปืนกลบุกกราดยิงตามห้องเรียนและหอพักนักศึกษา สถาบันโพลีเทคนิคเวอร์จีเนีย รัฐเวอร์จีเนีย สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดของมหาวิทยาลัยสหรัฐ ผู้สมัครชิงปธน.แห่แสดงความเสียใจ ก.ต่างประเทศยืนยันนร.ไทย 40 คนปลอดภัย

เกิดเหตุมือปืนใช้ปืนกลกราดยิงตามห้องเรียนและหอพักนักศึกษาของของสถาบันโพลีเทคนิคเวอร์จีเนีย เมืองแบล็คเบิร์ก รัฐเวอร์จีเนียของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น สังหารผู้คนไป32 คนและทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 26 คน ซึ่งหลายคนบาดเจ็บเพราะกระโดดหนีห่ากระสุนลงมาจากหน้าต่างชั้น 4 และชั้น 2 ก่อนที่ตัวเองจะยิงตัวตายตามในเวลาต่อมา นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยสหรัฐ

หลังเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่พบศพผู้ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เขาเสียชีวิตจากการยิงตัวเอง หรือว่าถูกอาวุธของเจ้าหน้าที่ สำหรับรายชื่อของคนร้าย ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผย และยังไม่รู้ด้วยว่า เขาเป็นนักศึกษาหรือไม่ ในส่วนของผู้เสียชีวิตอื่นๆนั้น ก็มีผู้ที่ไม่ใช่นักศึกษารวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง

หลังเหตุการณ์สงบ นายชาร์ลส์ สเตเกอร์ อธิการบดีของสถาบันดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ ระบุถึงถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นว่า มีความรุนแรงอย่างยิ่ง มหาวิทยาลัยรู้สึกตกตะลึงและสยองกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก

โดยเริ่มจากบริเวณชั้น 4 ของ เวสต์ แอมเบลอร์ จอห์นสตัน ซึ่งเป็นหอพักที่เป็นที่พักของนักศึกษาราว 895 คน และหลังจากนั้นราว 2 ชั่วโมง ก็มีการยิงเกิดขึ้นที่นอร์ริส ฮอลล์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในอีกฟากหนึ่งของของมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่ 2 พัน 600 เอเคอร์ โดยที่นี่มีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก มีรายงานว่าในกลุ่มผู้บาดเจ็บที่มีอยู่ 28 คน เป็นผู้ที่กระโดดออกจากหน้าต่างชั้น 4 และชั้น 2 เพื่อหนีห่ากระสุนหลายคน

ด้านประธานาธิบดีสหรัฐ ออกแถลงการณ์ระบุรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงผู้เคราะห์ร้าย ญาติพี่น้องของผู้เคราะห์ร้าย ครูอาจารย์ และทุกคนที่จัดการกับปัญหาเรื่องนี้ และรัฐบาลกลางพร้อมจะให้ความช่วยใดๆ หากได้รับการร้องขอ ขณะที่เอฟบีไอ บอกว่างานนี้ไม่น่าเกี่ยวกับการก่อการร้าย แต่ก็จะสอบสวนต่อไป

ก่อนเหตุการณ์ครั้งนี้ เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในสถานการศึกษาสหรัฐ หลังเกิดขึ้นเมื่อปี 2509 ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อคนร้ายรายหนึ่งปีนขึ้นไปบนหอนาฬิกามหาวิทยาลัย และกราดยิงคนข้างล่างตายไป 16 ราย ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจยิงตาย เมื่อปี 2542 นักเรียน 2 คนก็บุกยิงเพื่อนนักเรียนและครูที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโดตายไป 12 ราย ก่อนที่จะยิงตัวตายตาม

ทางการรัฐเวอร์จิเนีย ยืนยันแล้วว่า มือปืนที่ใช้ปืนกลกราดยิงตามห้องเรียนและหอพักนักศึกษาของสถาบันโพลีเทคนิคเวอร์จีเนีย เมืองแบล็คเบิร์ก รัฐเวอร์จีเนีย ยิงตัวเองตาย หลังจากสังหารผู้คนไป 32 คนและทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 26 คน ซึ่งหลายคนบาดเจ็บเพราะ กระโดดหนีห่ากระสุนลงมาจากหน้าต่างชั้น 4 และชั้น 2

ขณะที่นักศึกษาต่างวิจารณ์ว่าทำไมไม่มีการประกาศเตือนทั่วมหาวิทยาลัยทันทีที่มีเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นภายในตึกเวสต์ แอมเบลอร์ จอห์นสตัน ซึ่งเป็นหอพักของนักศึกษาราว 895 คน เมื่อช่วงเวลา 7.15 น.ของวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐหรือ 23.15 น.ตามเวลาในไทย ที่นี่มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 คน หลายคนบอกว่าพวกเขาทราบเรื่องจากอีเมล์ที่ทางมหาวิทยาลัยแจ้ง ก็ตอนช่วงที่คนร้ายลงมือยิงระลอกใหม่ในอีกกว่า 2 ชั่วโมงต่อมาที่นอร์ริส ฮอลล์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในอีกฟากหนึ่งของของมหาวิทยาลัย

ด้านอธิการบดีของมหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเต็มว่า ตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่าการยิงกันที่หอพักอาจเป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัวและเข้าใจผิดคิดว่ามือปืนหลบหนีไปแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจที่ทำให้มือปืนก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ และยังไม่ทราบว่าเขาเป็นนักศึกษาหรือไม่ ขณะที่นักเรียนคนหนึ่ง เล่าว่า มือปืนเป็นชายชาวเอเชีย สูงเกือบ 6 ฟุต สวมเสื้อโค้ทหนังสีดำและหมวกสีน้ำตาลแดง

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดเผยว่า มือปืนมีปืน 2 กระบอกและกระสุนจำนวนมาก รวมทั้งไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจมีมือปืนอีกคน

ตำรวจเปิดเผยด้วยว่า ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ทางมหาวิทยาลัยได้รับการขู่ลอบวางระเบิดหลายครั้ง แต่ยังไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ ขณะที่เอฟบีไอ บอกว่างานนี้ไม่น่าเกี่ยวกับการก่อการร้าย แต่ก็จะสอบสวนต่อไป

ด้านสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงตรัสแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้นก่อนที่พระองค์จะเสด็จเยือนรัฐเวอร์จิเนียในเดือนพฤษภาคมนี้

นายทิโมธี เคน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐ ร่นกำหนดการเยือนเอเชีย เพื่อกลับประเทศทันที หลังเหตุกราดยิงในสถาบันศึกษาที่รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้เสียชีวิตถึง 32 คน

ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ ซึ่งมีภารกิจหารือด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างเยือนญี่ปุ่น ฮ่องกง และอินเดีย เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อเชิญชวนให้บรรดานักธุรกิจชั้นนำร่วมทำการค้าและการลงทุนที่รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้านไอทีรายใหญ่ นายเคน กล่าวที่ญี่ปุ่น ด้วยการประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่เกิดเหตุที่วิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ซึ่งนับเป็นเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และขอให้ลดธงครึ่งเสาด้วย

นายธฤต (ทะริด) จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า มีนักเรียนไทยจำนวน 40 คน ที่เรียนอยู่ในสถาบันโพลีเทคนิค และวิทยาลัยการเกษตรและเครื่องจักร หรือ "เวอร์จิเนีย เทค" ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุง วอชิงตัน ดีซี ได้รับการยืนยันว่าทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันอีกครั้ง

วุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน แห่งรัฐแอริโซนา สังกัดพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เหตุกราดยิงที่วิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ไม่ส่งผลต่อทัศนะของเขาที่ต้องการให้รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิการมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองได้ โดยต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของคนร้าย

นายแมคเคนและผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2551 ต่างออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุกราดยิงในสถาบันการศึกษาของสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยนางฮิลลารี คลินตัน ส.ว.สหรัฐจากพรรคเดโมแครต กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ปกครองและครอบครัวที่ต้องเสียบุคคลที่รักในเหตุการณ์ครั้งนี้

เช่นเดียวกับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ อย่างนายจอห์น เอ็ดเวิร์ดส ที่เศร้าใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่วิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค และนายบารัค โอบามา ส.ว.พรรคเดโมแครตที่กล่าวไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายด้วย ด้านนายรูดี้ จูเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก สังกัดพรรครีพับลิกัน เรียกว่าเป็นวันแห่งโศกนาฏกรรมของสหรัฐ และนายมิท รอมนีย์ ผู้สมัครจากรีพับลิกันเช่นกัน กล่าวว่า ประชาชนทั่วประเทศต่างแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

ทั้งนี้ ชาวอเมริกันที่มีอาวุธปืนในครอบครองหลายล้านคนเชื่อว่า พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิจะรับรองการให้บุคคลสามารถถือครองอาวุธปืนได้ ในขณะที่มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับเหตุรุนแรงที่มาจากการใช้ปืนและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญหลายคน กล่าวว่า การให้สิทธิถือครองอาวุธปืนจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถปลดอาวุธพวกหัวรุนแรงได้