กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
เปิดสถิติสุดสลด! ความรุนแรงทางเพศ กทม.แชมป์คดีข่มขืนมากที่สุด
เปิดสถิติความรุนแรงทางเพศ ชี้ กทม.ครองแชมป์คดีข่มขืนมากที่สุด
สลดอายุน้อยสุดผู้ถูกกระทำเป็นเด็กหญิงอายุ 1 ขวบ หญิงอายุมากสุด 85 ปีถูกข่มขืน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 มี.ค.ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 64 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนาเรื่อง "รายงานสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี 2556"
นางญาณี เลิศไกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม.กล่าวเปิดการสัมมนาว่า สถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ เด็ก ผู้หญิง ผู้ชายรวมถึงผู้มีความหลากหลายทางเพศ มักเกิดขึ้นด้วยภัยร้ายหลากหลายรูปแบบ สาเหตุเกิดจากสังคมที่เลวร้ายและเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยในหลายๆ อย่าง เช่น ปัญหาทางครอบครัว ความเครียด ฯลฯ
"ผู้เสียหายส่วนใหญ่มักจะเป็นหญิงและเด็ก จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ.2556 เกิดการกระทำความรุนแรงจำนวน 31,866 ราย หรือเฉลี่ย 87 รายต่อวัน หรือทุกๆ 15 นาทีมีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้ายต่อ 1 คน และพบว่ามีข่าวภัยทางเพศรวม 223 ข่าว เด็กหญิงอายุน้อยสุด 1 ปี 9 เดือนถูกกระทำ ผู้หญิงอายุมากที่สุด คือ 85 ปีที่ถูกข่มขืน และมีผู้ถูกฆ่าจากการข่มขืนรรวม 29 ราย" นางญาณีกล่าว
นางญาณี กล่าวว่า นอกจากนี้พบว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีข่าวข่มขืนเกิดขึ้นมากที่สุด และจากการให้บริการคำปรึกษาของฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มีผู้หญิง เด็ก และผู้ชายซึ่งถูกกระทำความรุนแรงทางเพศจากบุคคลใกล้ชิด ซึ่งผู้เสียหายหลายราย มักจะเผชิญความอับอาย บางรายเจอระบบกดขี่จากกการดำเนินคดี ไม่ได้รับความเป็นธรรม บางรายต้องย้ายงาน ลาออก ไม่กล้าบอกญาติพี่น้อง และร้ายที่สุดถึงขั้นต้องหย่ากับสามี
"ทางรัฐบาลได้ประกาศนโยบาย OSCC หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม ตั้งแต่เดือน เม.ย.56 และมีการวางยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ แต่เมื่อผู้รับบริการหรือผู้ประสบปัญหาประสงค์จะดำเนินคดีหรือขอรับบริการพบว่ายังมีข้อจำกัดในการทำงาน การปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเป็นผลเสียต่อสังคม ซึ่งผู้หญิงและผู้เสียหายต้องการให้เกิดระบบที่สามารถเข้าถึงอย่างเป็นมิตรเป็นธรรมและมีความเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะความรุนแรงที่ผู้ถูกกระทำได้รับผลเสียหายนั้น ส่งผลถึงหน้าที่การงาน ครอบครัว หน่วยงาน สังคม และประเทศชาติโดยรวม" นางญาณีกล่าว
นางญาณี กล่าวว่า พันธะสัญญาของรัฐต่ออนุสัญญา CEDAW (อนุสัญญาผู้หญิง) ในการดูแล คุ้มครองสังคม สร้างบรรทัดฐานของกฎหมายเพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างหญิงชายโดยปราศจากความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรี และข้อมูลที่เปิดเผยในวันนี้เป็นการสะท้อนให้เกิดความเข้าใจและร่วมยุติภัยความรุนแรงทางเพศ
"ความรุนแรงทางเพศดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกายจิตใจ 1ใน 3 มีอาการหวาดผวา ระแวง ซึมเศร้า รองลงมา คือ ผู้กระทำใช้อำนาจบังคับข่มขู่ละเมิดทางเพศ ทำให้ผู้ถูกกระทำขัดขืนต่อสู้จนถูกฆ่าเสียชีวิต หลายรายถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส และมีที่ไม่กล้าแจ้งความเอาผิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 กับ ปี 2554 พบว่า ปี 2556 มีจำนวนข่าวความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น (ปี 2554 มีจำนวน 158 ข่าว) โดยประเภทข่าวที่ครองแชมป์อันดับ1 ยังคงเป็นข่าวข่มขืน" น.ส.จรีย์กล่าว
น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากการให้บริการคำปรึกษาของมูลนิธิฯ พบว่า มีผู้ขอรับบริการ 261 รายในจำนวนนี้ประสบปัญหา 385 กรณี โดยจะมีระบบบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและด้านสังคมสงเคราะห์
"ผู้กระทำเป็นคนมีความรู้มีการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ควบคุมอารมณ์ แม้กฎหมายจะเปลี่ยนไปแต่ผู้กระทำก็ยังใช้อำนาจ เช่น ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้กระทำเป็นเจ้าหนี้ หรือกรณีหญิง17ปีถูกเพื่อนในชั้นเรียนข่มขืนถ่ายคลิปข่มขู่ เด็ก7ขวบข่มขืนเด็ก7ขวบ และกรณีหญิงถูกข่มขืนขณะตั้งครรภ์ หรืออดีตแฟนใช้อุบายหลอกข่มขืน" น.ส.สุเพ็ญศศรีกล่าว
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามปัญหาที่พบคือ กระบวนการส่วนใหญ่ยังปกป้องผู้กระทำ หลายกรณีเอาผิดไม่ได้ คดีล่าช้า การให้ยอมความ ขณะเดียวกันศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC ของบางหน่วยงานขาดการจัดระบบรองรับ โดยเฉพาะการช่วยเหลือดำเนินคดีและกระบวนการส่งต่อที่ยังขาดความคล่องตัว แม้มีนโยบายประกาศชัดเจน แต่ยังขาดงบประมาณในการสนับสนุน และมีข้อจำกัด หรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางสถานีอ้างเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติให้รอไว้ก่อน
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
