น.ส.รสนา โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวดังนี้
เมื่อวานนี้( 11ก.พ 2557) เวลาประมาณ7โมงเช้า ดิฉันได้รับโทรศัพท์จาก ส.ว สมชาย แสวงการ ว่ามีตำรวจบุกเข้าตรวจค้นบ้านของคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ในหมู่บ้านพุทธธานี ถนนพุทธมณฑลสาย4 ซึ่งมีเพียงภรรยาและลูกสาวของคุณสนธิญาณอยู่ในบ้าน และมีคนดูแลบ้านและคนขับรถอีก2 คน จึงขอให้ดิฉันช่วยไปดูเหตุการณ์ เพราะคุณสมชายอยู่ไกลจากละแวกนั้น
ดิฉันโทรหาลูกสาวคุณสนธิญาณเพื่อสอบถามสถานการณ์ จึงทราบว่าตำรวจที่มาตรวจค้นบ้านใช้วิธีปีนเข้าบ้านช่วง 6โมงเศษๆ
ในขณะที่เจ้าบ้านยังนอนอยู่ ทำให้เกิดความตกอกตกใจ เพราะมีการนำอาวุธสงครามเข้ามา และส่องเข้ามาในห้องนอนจากบันไดข้าง ลูกสาวคุณสนธิญาณดีใจมากถ้าดิฉันจะเข้ามาที่บ้านเพื่อดูเหตุการณ์ ดิฉันมาถึงบ้านคุณสนธิญาณประมาณ 8 โมงกว่า พบว่ามีตำรวจทั้งนอกเครื่องแบบ และในเครื่องแบบจำนวนมาก อยู่รายล้อมทั้งในและนอกบ้าน กะคร่าวๆมีจำนวนกว่า 30 คน เมื่อมาถึงก็ทราบว่าตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเขียนบันทึกการตรวจค้น
ได้พบพ.ต.ท ประสม หงษ์โต จาก สภ.โพธิ์แก้ว ซึ่งเป็นผู้เข้าตรวจค้นบ้านของสนธิญาณตามหมายศาล จากบันทึกของตำรวจระบุว่า มาถึงบ้านในเวลา 6.45น และจากการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ดิฉันได้สอบถามเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปีนเข้าบ้านเพื่อตรวจค้นจริงหรือ พ.ต.ท ประสมตอบว่าได้กดกริ่งแล้วแต่เจ้าบ้านไม่มาเปิดจึงต้องปีนเข้ามา
ซึ่งภรรยาและลูกสาวต่างปฏิเสธว่าไม่จริง ตอนที่เจ้าหน้าที่มาทั้งเธอและลูกสาวยังนอนอยู่ เมื่อตำรวจเข้ามาในบ้านแล้ว ลูกสาวคุณสนธิญาณจึงโทรตามญาติ และเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นเพื่อน ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรก เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ดีว่าหลักเกณฑ์การเข้าตรวจค้นบ้านต้องเข้ามาในเวลากลางวัน แล้วต้องกดกริ่งหรือตะโกนเรียกเจ้าของบ้านเพื่อแสดงหมายค้น หลังจากนั้นจึงเข้าตรวจค้นได้ ไม่ใช่ปีนรั้วเข้ามาโดยอุกอาจพลการ
หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ดิฉันขอให้เจ้าของบ้านเปิดเทปบันทึกจากกล้อง CCTV เพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากกล้อง CCTV พบว่า ตำรวจมาถึงหน้าบ้านในเวลา 6.24น ไม่ใช่ 6.45นตามที่ตำรวจบันทึก และจากภาพที่ปรากฎ มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 4คนปีนรั้วด้านหน้าบ้านเข้ามาทันที และเปิดประตูให้ตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาภายในรั้วบ้าน โดยไม่ได้มีการกดกริ่งก่อนตามที่ตำรวจได้ตอบดิฉัน ภาพที่เห็นจากในเทปคือภาพตำรวจเข้ามาในบ้านพร้อมอาวุธสงครามทั้งปืนยาว ปืนสั้น ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบราว30คน
จากคำบอกเล่าของคนในบ้าน ตำรวจเข้ามาในห้องนอนคนขับรถด้านล่างติดกับโรงรถ รื้อค้นกุญแจรถ เหยียบเข้ามาบนที่นอนทั้งที่ครอบครัวคนรถยังนอนอยู่
เมื่อได้กุญแจรถก็ไปเปิดรถค้นทั้ง3คัน และเอาเสื้อเกราะของนักข่าว2ตัวที่เคยอยู่ในรถของคุณสนธิญาณขณะที่ถูกควบคุมตัว คนขับรถบอกว่าทางกองบังคับการตำรวจตะเวนชายแดนภาค1 ได้คืนมาหลังจากควบคุมตัวคุณสนธิญาณเอาไว้ แต่ตำรวจไม่ฟัง ได้ยึดเอาไปโดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์สงคราม และนำวิทยุสื่อสารไปด้วยอีก3เครื่อง ทั้งยังนำเอกสารบางส่วนในรถไปด้วยโดยไม่ได้แจ้งเจ้าบ้านว่าได้นำอะไรไปบ้าง การนำอุปกรณ์และเอกสารไป ตำรวจไม่ได้บันทึกว่าได้นำอะไรไปบ้าง ในบันทึกเขียนเพียงว่า ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ
ตำรวจยังนำตัวคนในบ้าน2คนไปสอบปากคำที่สภ.อ.โพธิ์แก้ว โดยอ้างว่าสงสัยเป็นคนต่างด้าว ลูกสาวคุณสนธิญาณยืนยันว่าคนดูแลบ้านทั้งสองคนเป็นคนไทย มีบัตรประชาชนชัดเจน แต่หลังนั้นตำรวจได้ตั้งข้อหา2คนว่ามีเสื้อเกราะอยู่ในครอบครอง เจ้าบ้านจึงไปประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน150,000บาท
มีคำถามว่าเจ้าพนักงานตำรวจเป็นจำนวนมากพร้อมอาวุธสงครามครบมือ
บุกปีนเข้าบ้านของผู้ต้องสงสัยโดยไม่แสดงหมายค้นก่อน เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แม้ว่าตามกฎหมาย การเข้าตรวจค้นบ้านตามหมายศาลให้ทำได้ในช่วงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น จนพระอาทิตย์ตกดิน แต่โดยปกติการมาตรวจค้นบ้านในยามเช้าตรู่ก่อนที่เจ้าบ้านจะตื่นนอน และเข้ามาตรวจค้นพร้อมอาวุธสงคราม ต้องสร้างความตกใจให้กับเจ้าบ้านที่เป็นเพียงผู้หญิง2คน ดิฉันเห็นว่าน่าจะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะคุณสนธิญาณยังไม่ใช่ผู้ต้องหา หรือผู้ร้ายอุจฉกรรจ์ ไม่ควรได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในลักษณะเช่นนี้
รสนา โตสิตระกูล
สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
12 กุมภาพันธ์ 2557