ไฟไหม้อีก2วัดรวด กุฏิเจ้าอาวาส-เณร

เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 30 มี.ค. พ.ต.ท.นนทวัฒน์ คงเลิศโกศล สารวัตรเวร สภ.อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา

ได้รับแจ้งไฟไหม้กุฏิวัดใหม่หนองดุม

หมู่ 5 บ้านหนองโสน ต.สูงเนิน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พรเทพ เพชรคง ผกก.สภ.อ.สูงเนิน และระดมรถดับเพลิงจากหลายหน่วย

พบเพลิงไหม้กุฏิ

พระอธิการบุญสม ทัณตจาโร เจ้าอาวาสวัด ซึ่งเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำอยู่ราว 20 นาทีจึงสงบ แต่สร้างความเสียหายหมดทั้งหลัง

จากการสอบสวนทราบว่า

ก่อนเกิดเหตุพระอธิการบุญสมนั่งฉันภัตตาหารเช้าอยู่ที่ศาลาในพิธีบำเพ็ญกุศลศพของคนในหมู่บ้าน ระหว่างนั้นมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากกุฏิและลุกไหม้อย่างรวดเร็วลามไปทั่ว แต่กว่ารถดับเพลิงของเทศบาลตำบลสูงเนินจะมาฉีดน้ำสกัด เพลิงลุกไหม้กุฏิจนเสียหายหมด

พระอธิการบุญสม เจ้าอาวาสกล่าวว่า

กุฏิดังกล่าวจำวัดอยู่เพียงลำพัง ก่อนเกิดเหตุรับนิมนต์ฉันภัตตาหารเช้าในพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่ศาลาภายในวัดซึ่งอยู่ห่างไม่มากนัก และก่อนจะออกจากกุฏิล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา

ระหว่างนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้น

ยังไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับกุฏิหลังนี้สร้างมา 30 ปีแล้ว ส่วนค่าเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท

ขณะที่ พ.ต.อ.พรเทพ เพชรคง

ผกก.สภ.อ.สูงเนิน กล่าวว่า พยานที่เห็นเหตุการณ์และพยานแวดล้อมให้การตรงกันว่าไม่พบความผิดปกติหรือมีบุคคลแปลกหน้าเข้าออก และเจ้าอาวาสวัดก็ยืนยันว่าปิดล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาก่อนจะออกจากกุฏิมาฉันเช้าที่ศาลาใกล้ๆกัน สันนิษฐานว่า

สาเหตุน่าจะเกิดจาก

อุบัติเหตุหรือความประมาท เนื่องจากอาคารอยู่ในสภาพเก่าและชั้นบนเป็นอาคารไม้ที่ก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจะได้ตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียดหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

รายต่อมาเวลา 18.00 น.

วันเดียวกัน พ.ต.ต.ประเวส ภูบุญเต็ม นักวิทยาศาสตร์ (สบ 2) วิทยาการจังหวัดหนองคาย ไปตรวจเพลิงไหม้กุฏิสำนักสงฆ์โนนอุดม บ้านโนนอุดม หมู่ 14 ต.สระใคร กิ่งอำเภอสระใคร จ.หนองคาย

เป็นกุฏิสงฆ์ชั้นเดียวหลังที่ 3

จากจำนวนทั้งหมด 4 หลังที่เรียงติดกัน ฝาผนังทำด้วยสังกะสี มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกทับด้วยสังกะสีอีกชั้นหนึ่ง ถูกไฟไหม้วอดไปทั้งหลัง

สอบสวนสามเณรธาดา มารยะ

อายุ 13 ปี ให้การว่า นอนดูโทรทัศน์อยู่กับสามเณรวิทวัท หอมเนียม อายุ 10 ขวบ สามเณรสุรเดช สนศรี อายุ 10 ขวบ และสามเณรพีระพงศ์ พันลำพัฒน์ อายุ 6 ขวบ

ระหว่างนั้นเกิดไฟลุกขึ้น

ตามสายไฟและลามไปอย่างรวดเร็ว จึงอุ้มโทรทัศน์วิ่งออกจากห้อง ส่วนสามเณรคนอื่นวิ่งไปตามหลวงพ่อสุริยา เจ้าสำนักสงฆ์มาช่วยดับไฟ ต่อมาไม่นานมีรถดับเพลิงและชาวบ้านมาช่วยจนเพลิงสงบ

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

ตำรวจวิทยาการพบว่าสายไฟที่ใช้ต่อเข้าไปในกุฏินั้นเป็นสายไฟเก่า และพ่วงสายไฟจากหม้อแปลงใหญ่ต่อเข้ากุฏิ 4 หลัง แต่ไม่มีฟิวส์ กลับใช้ลวดทองแดงแทน นอกจากนี้ ปลั๊กยังไม่แน่น สันนิษฐานว่าอากาศร้อนจัดประกอบกับใช้ไฟฟ้าพร้อมกันมากและปลั๊กที่ต่อไว้หลวม เป็นเหตุให้เกิดไฟช็อต

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ