เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงภายหลังการประชุมร่วม 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย ดีเอสไอ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมการขนส่ง เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบรถยนต์รถยนต์จดประกอบ ว่า ผลการตรวจสอบรถยนต์หรูล๊อตแรกที่มีราคาเกิน 4 ล้านบาท จำนวน 548 คัน ปรากฏว่ามีรถยนต์ภาคสมัครใจเข้าตรวจสอบจำนวน 236 คัน ส่งให้กรมศุลกากรพิจารณาว่าเป็นรถยนต์ที่นำเข้าโดยผิดกฎหมายศุลกากรหรือไม่ หากกรมศุลกากรชี้ว่าผิดกฎหมายจึงจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีในส่วนที่ขาด หากเห็นว่าไม่ใช่รถยนต์ที่หลีกเลี่ยงภาษีจะสั่งยุติเรื่อง
ส่วนกลุ่มบังคับตรวจจำนวน 199 คัน มีผู้นำรถเข้าตรวจสอบแล้ว 102 คัน ในจำนวนนี้ทำบันทึกยึดไว้ 8 คัน
โดยดีเอสไอกำหนดให้กลุ่มดังกล่าวนำรถมาตรวจสอบระหว่างวันที่ 2-30 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ที่ประชุมมีมติที่จะเดินหน้าตรวจสอบรถต้องสงสัยเลี่ยงภาษีที่เหลืออีกจำนวน 6,547 คัน ซึ่งจะเริ่มตรวจสอบได้ตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้า
นายธาริต กล่าวต่อว่า ดีเอสไอจะต้องตรวจสอบรถทุกคันที่ต้องสงสัย
ซึ่งเจ้าของต้องนำรถมาตรวจสอบตามขั้นตอนไม่เช่นนั้นดีเอสไอจะแจ้งกรมการขนส่งไม่ให้ต่อทะเบียนรถ ส่งผลให้กลายเป็นรถเถื่อน ทั้งนี้ ดีเอสไอยังอยู่ระหว่างให้กรมศุลกากรประเมินตัวเลขที่ต้องเรียกคืนภาษีจากรถแต่ละคันเพื่อให้เห็นมูลค่าภาษีที่ขาดหาย และหาแนวทางดำเนินการ เช่น กรณีที่ยังต้องการครอบครองรถก็ต้องเสียภาษีให้ครบตามราคาจริง
เบื้องต้นคาดว่ากรมศุลกากรจะสรุปตัวเลขรถยนต์ทั้งหมดได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยการตรวจสอบรถยนต์ล๊อตที่สองดีเอสไอจะใช้มาตรฐานเดียวกับการตรวจสอบรถยนต์ล็อตแรกโดยให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่งตัวแทนร่วมตรวจสอบด้วย