ถกพระปกเกล้าซัดนักธุรกิจ-นักการเมือง-ขรก.สร้าง3เหลี่ยมคอร์รัปชั่น เปิดช่องให้ทหารปฏิวัติ


วงสัมมนา"พระปกเกล้า"สรุปนักธุรกิจ-นักการเมือง-ขรก.สร้าง 3 เหลี่ยมคอร์รัปชั่น เปิดช่องทหาร"ปฏิวัติ" แนะสร้างดุลยภาพฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เพิ่มอำนาจนายกฯ ยัน"ตุลาการธิไตย"ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ในการยุติปัญหาขัดแย้ง

"พระปกเกล้า"ซัด 3 เหลี่ยมทุจริต


สถาบันพระปกเกล้า จัดประชุมทางวิชาการประจำปี ครั้งที่ 11 เรื่อง "ความขัดแย้ง ความชอบธรรม และการปฏิรูประบบรัฐการจัดสรรผลประโยชน์ที่เป็นธรรมในสังคมไทย" ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดประชุม มีการสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อย 7 หัวข้อ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ประเด็น "การเมืองภาคประชาชนกับการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อความชอบธรรมในการจัดสรรผลประโยชน์"


นางถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า สรุปผลการสัมมนาว่า สภาพการทุจริตในปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบจนหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ตรวจสอบยากขึ้นและมูลค่าความเสียหายสูงขึ้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคือ นักธุรกิจ นักการเมืองและข้าราชการ ทั้ง 3 ส่วนสัมพันธ์แนบแน่นกันยิ่งกว่าเดิม เกิดเป็น 3 เหลี่ยมแห่งการคอร์รัปชั่น เกิดสภาพธุรกิจการเมืองที่อำนาจทุนรวมกับอำนาจรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐกลายเป็นเครื่องมือทุจริต ซึ่งรูปแบบการทุจริตในหน่วยงานรัฐ อาทิ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ โครงการประชานิยม การแสวงประโยชน์จากโครงการ และการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะมีการกระจายงบประมาณลงไปมากขึ้น หรือมีการทุจริตเชิงนโยบาย


เปิดช่องกองทัพทำรัฐประหาร


นางถวิลวดี กล่าวว่า ขณะที่การตรวจสอบองค์กรตรวจสอบยังขาดประสิทธิภาพ ส่วนองค์กรภาคประชาชนที่ร่วมเข้ามาตรวจสอบ ก็ยังมีน้อย ติดขัดด้วยปัจจัย "ยาก แพง ใช้เวลา เสี่ยงถูกฟ้องเสียเองและเสี่ยงต่อการโดนทำร้ายเสียชีวิต" เช่น กลุ่มนายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (ครป.) คนที่เข้ามาช่วยงานตายไปปีละ 1-2 คน นอกจากนี้ สภาพสังคมไม่สนับสนุนให้ตรวจสอบ การเมืองระบบผู้แทนไม่ตรวจสอบ เพราะเข้ามาโดยการทุจริตและอยู่ฝังรากไปถึงรุ่นลูกหลาน กฎหมายไม่เอื้อ ทั้งความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารกลับกลายเป็นกฎหมายปกปิดข้อมูลข่าวสาร และการขาดกฎหมายคุ้มครองพยาน ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์


"เมื่อมีการทุจริตแล้ว ก็เป็นช่องให้ทหารใช้เป็นข้ออ้างทำรัฐประหาร พอเข้ามามีอำนาจแล้ว ก็ทุจริตต่อไปอีกเป็นวงจร ซึ่งทางแก้ไข ต้องเปิดพื้นที่และสร้างความเข้มแข็งให้ภาคประชาชน รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้ร่วมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การปรับปรุงกฎหมายฉบับต่างๆ ให้เอื้อต่อการเป็นเครื่องมือตรวจสอบของภาคประชาชน และสื่อต้องสร้างวัฒนธรรมการตรวจสอบการใช้อำนาจ" นางถวิลวดี กล่าว


ชี้ระบบเลือกตั้งยังไม่เหมาะสม


นายอรัญ โสตถิพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการรัฐสภา สถาบันพระปกเกล้า สรุปการสัมมนาหัวข้อ "รัฐบาลและความชอบธรรมทางการเมือง"ว่า ความชอบธรรมทางการเมือง เกิดจาก 2 ปัจจัยคือ 1.ความไว้วางใจต่อการใช้อำนาจของรัฐบาล ที่ต้องถูกต้องตามศีลธรรมและมีกลไกแข็งแกร่งในการตรวจสอบ ควบคุมการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน และ 2.ความสามารถในการพิสูจน์ผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นธรรม มุ่งเน้นกระจายทรัพยากรที่สอดคล้องกับสังคม ไม่ผลักภาระไปที่ผู้มีอำนาจด้อยกว่า


นายอรัญ กล่าวว่า ระบบเลือกตั้งในแบบปัจจุบันไม่เหมาะสมกับสภาพสังคม ไม่สะท้อนความต้องการผู้แทนที่แท้จริงของประชาชน เกื้อหนุนบางพรรคให้จัดตั้งรัฐบาลผสมได้หรือไม่ ระบบการกรองขององค์กรอิสระ ไม่สามารถกรองคนเก่งคนดี ส่วนระบบการตรวจสอบคอร์รัปชั่นไม่มีประสิทธิภาพ และระบบวุฒิสภาควรกระจายตัวแทนให้มาจากทุกภาคส่วน


"ทางแก้ไข คือ การสร้างดุลยภาพเชิงอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ โดยเพิ่มอำนาจนายกฯ ให้มากขึ้น ส่วนผู้เป็นรัฐมนตรีควรลาออกจาก ส.ส.หรือไม่ ยังไม่ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ดี ต้องมีเป้าโดยมุ่งสู่กระบวนทัศน์ใหม่ โดยเลิกการออกแบบสถาปัตยกรรมทางการเมือง เพราะแก่นสารของความชอบธรรมไม่ได้อยู่ที่การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย การกระจายทรัพยากรต้องไม่เป็นภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การให้การมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชนไม่ใช่เป็นเพียงพิธีกรรม" นายอรัญ กล่าว


ระบุ"ศาล"ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย


ด้านนางชมพูนุท โกสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการสำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร สรุปการสัมมนาหัวข้อ "การปฏิรูปนโยบายเศรษฐกิจในการลดความขัดแย้ง และสร้างเสริมความชอบธรรมทางการเมือง" ว่า ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง คนรวยระดับต้นๆ 20% ของประเทศ ถือทรัพย์สินถึง 70% ของทรัพย์สินของประเทศ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงต้องปฏิรูประบบภาษีทั้งหมด ทั้งภาษีโดยตรง ภาษีนิติบุคคล รวมถึงภาษีสรรพสามิต ที่ก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ความไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บภาษีสรรพสามิต ที่ผลักภาระไปให้คนรากหญ้า ทำให้นักธุรกิจต้องเดินตามก้นนักการเมือง เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางด้านภาษีจนนำมาซึ่งการคอร์รัปชั่น


นางคนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปการสัมมนาหัวข้อ "ตุลาการและตุลาการธิปไตย" ว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจตุลาการเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล เพราะศาลที่มีความเปราะบางในการเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมืองมากที่สุดคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องพิจารณาต่อว่า อนาคตจะมีการแก้ไขขอบเขตของศาลรัฐธรรมนูญให้อยู่แค่ไหน ขณะเดียวกันควรศึกษาว่าเหตุใดจึงเกิดตุลาการภิวัฒน์


"ตุลาการธิปไตยไม่สามารถขจัดความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความซับซ้อนได้ เพราะถึงศาลจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด จึงอยากให้พิจารณาเป็นรายบุคคลว่า ศาลมีทั้งด้านบวกและลบ จึงไม่ควรดึงการเมืองมาใช้กับสถาบันตุลาการ ไม่ควรนำศาลมาเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือร่างกฎหมาย ที่ศาลจะต้องเข้าไปอยู่ภายใต้กฎนั้นด้วยตัวเอง" นางคนึงนิจ กล่าว


จวก"เหลือง-แดง"สร้าง 4 วิกฤต


ต่อมาเวลา 12.00 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ปาฐกถาปิดการสัมมนาว่า 4 ปี แห่งกีฬาสีเหลือง แดง ประเทศไทยต้องเสียอะไรไปมากมาย นั่นคือ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาลอันประเมินค่าไม่ได้ เสียรัฐธรรมนูญไป 2 ฉบับ โดยเฉพาะฉบับปี 2540 ที่ยอมรับกันว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง เสียนายกฯ ไป 4 คน และภาวนาว่าอย่าเสียนายกฯ คนที่ 5 ไปเร็วเกินไปนัก


"วิกฤตที่เกิดขึ้น ยังสร้าง 4 วิกฤตต่อเนื่อง คือ 1.ความชอบธรรมของทุกสถาบัน ซึ่งไม่มีครั้งใดที่สถาบันสำคัญของไทยจะถูกต่อต้านท้าทายกว้างขวาง ทั้งรัฐบาล รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ องคมนตรี 2.วิกฤตทางกฎหมาย การใช้กฎหมายทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง 3.วิกฤตหลักนิติธรรม ที่นำไปสู่คำถามเกี่ยวกับศาล องค์กรอิสระ ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ที่ถูกท้าทายโดยม็อบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด 4.วิกฤตในการรวมเป็นสังคมเดียว จากการปะทะของเสื้อเหลือง แดงในทุกภาค รวมถึงอาจสูญเสียมิตรประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดการล่มสลายของอาเซียนถ้าไม่ระวังจำกัดวงความขัดแย้งให้ดี" นายบวรศักดิ์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์