แฉรปภ.นายก ไล่ทุบเด็ก

เหตุการณ์เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี


รุมทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านนายกฯ ในงานเปิดตัวหนังสือและซีดีภาพ เหนือเกล้าชาวไทย จนได้รับบาดเจ็บกันระนาวกลางห้างสยามพารากอน ล่าสุดแกนนำกลุ่มประชาสังคมต่อต้านระบอบทักษิณ นำผู้ที่บาดเจ็บแฉพฤติกรรม รปภ.นายกฯโหดเตะแม้กระทั่งเด็ก 5 ขวบ กระเด็น

เปิดตัว 6 เหยื่อ รปภ.นายกฯทักษิณ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ แกนนำกลุ่มประชาสังคมต่อต้านระบอบทักษิณ ได้เปิดตัวประชาชน 6 คน ที่ถูกทีมรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำร้ายในช่วงที่ไปขับไล่ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งนายยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย นักศึกษาที่ถูกทำร้าย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตนเห็นเด็กอายุ 5 ขวบ ตะโกนขับไล่นายกฯ จากนั้นคนอื่นๆก็ตะโกน อีกไม่นานทีม รปภ.ก็เข้ามาล็อกและชกปากตน พร้อมเตะเด็กคนนั้นด้วย

นายคิม (นามสมมติ) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กล่าวว่า ตนไม่ได้ตะโกนด้วย แต่ รปภ.มาทุบหัวตนและต่อยท้องรุ่นพี่ของตนอย่างแรง ด้านนายเก่ง (นามสมมติ) กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักกับบุคคลที่โดนทำร้าย แต่เห็นนายคิมกำลังโดนรุมจึงเข้าไปช่วย จากนั้นมีชาย 5 คน เดินตามมาชกเข้าที่กกหูและเบ้าตาจนตาเขียว ซึ่งในวันที่ 23 ส.ค. จะไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน

ตกใจนายกฯหาว่าบ้าจนนอนไม่หลับ


นางเกด (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนเดินเข้าไปในห้างได้ยินเสียงทักษิณสู้ๆ ในช่วงเดียวกันก็มีคนตะโกนว่า ทักษิณออกไปคนขายชาติ ช่วงนั้นเห็นการทำร้ายร่างกายกัน เมื่อเหตุการณ์ชุลมุนจึงอุ้มหลานไว้ และด้วยอารมณ์โมโหจึงตะโกนไปว่า ทักษิณโกงชาติ จนทีม รปภ. เข้ามาถีบ ด้านนางรุ้ง (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนอยากไปดูว่าคนรวยหมื่นล้านหน้าตาเป็นเช่นไร จึงอยากขอสัมผัสมือ แต่กลับโดน รปภ.กั้นไว้ ทำให้ตนเหยียบเท้านายกฯ ซึ่งตนไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อนายกฯบอกว่ามีคนสติไม่ดีเหยียบเท้า และสั่งให้ตรวจสอบประวัติ จึงรู้สึกตกใจทำให้นอนไม่หลับ ส่วนนางผ่องศรี (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนไปร่วมงาน และพบว่าเด็ก 3 คน ตะโกนขับ ไล่นายกฯ ก็หันไปยิ้มให้เด็กเหล่านั้น จากนั้นก็พูดไปว่า คนขายชาติ ขายดาวเทียมและโทรศัพท์ทำไม ทั้งๆที่รวยเพราะประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือ จากนั้น รปภ.เดินเข้ามาพบตนและเด็ก 3 คน ตนจึงบอกให้เด็กๆออกไป แต่ไม่ทัน เพราะ รปภ.ได้ชกเด็กทันที

อัดยับเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก


นายเสรี สุวรรณภานนท์ รักษาการ ส.ว.กทม. กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสถานการณ์ไม่ปกติ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนถึงขั้นทำร้ายประชาชน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย อย่าเบี่ยงเบนประเด็นยัดเยียดข้อหาให้ประชาชน นายอัษฎา ไชยนาม กล่าวว่า ตนเป็นทูตมากว่า 35 ปี อยู่มา 7 ประเทศ ไม่เคยเห็น รปภ.นายกฯของประเทศไหนซ้อมประชาชน โดยเฉพาะเด็กและสตรี ถ้าอย่างเลวที่สุด นายกฯต้องเอ่ยปากขอโทษประชาชน หรือดีที่สุดคือให้ลาออกไปเลยเพื่อลดความแตกแยก กรณีนี้ถือว่าประหลาดที่สุดในโลก

ไล่บี้ รปภ.นายกฯถึงคดีอาญา


นายการุณ ใสงาม รักษาการ ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ รปภ.นายกฯทำร้ายประชาชนบาดเจ็บ ถือเป็นความผิดทางอาญา จึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้นำภาพมาแสดงเพื่อจะได้เห็นหน้าผู้ทำร้ายประชาชน เหมือนกับที่ศาลเคยปฏิบัติมาแล้ว นายสังศิตกล่าวว่า ทางกลุ่มขอให้กำลังใจประชาชนผู้ถูกคนของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำร้าย และพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนเพื่อความถูกต้อง ซึ่งนายการุณได้กล่าวเสริมว่า เราจะช่วยกันทำลายพื้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่เหลือพื้นที่ให้อยู่ ในประเทศไทย ทำให้บรรดาผู้ที่เข้าร่วมประชุมต่างปรบมือและส่งเสียงสนับสนุน

ฝ่ายหนุนนายกฯไล่ตะเพิด สังศิต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่กลุ่มเครือข่ายฯกำลังแถลงข่าว ปรากฏว่ามีตัวแทนองค์กรประชาชนรักความสงบ นำโดยนายพันธุ์ศักดิ์ ซาบุ พร้อมพวกประมาณ 30 คน นำรถกระบะพร้อมเครื่องขยายเสียง มาชุมนุมเรียกร้องให้นายสังศิตยุติบทบาทและลาออกจากสถาบันราชภัฏจันทรเกษม พร้อมโจมตีพฤติกรรมของนายสังศิตว่าเอนเอียง ฝักใฝ่การเมือง ใช้สถานการศึกษาเป็นที่ประสานงานทางการเมือง ทำให้เกิดความแตกแยก ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้แสดงหนังสือลงวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาที่ลงนามโดยนายธวัชชัย รัตนธรรมมา รองอธิการบดี มรภ.จันทรเกษมว่าได้รับหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้พิจารณาความประพฤติของนายสังศิต ที่ขอเรียกร้องให้ลาออกจากสถาบันดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานแล้วเพื่อรอเสนออธิการบดีต่อไป

โฆษกรัฐบาล อัดยับกลุ่มพันธมิตรฯ


น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มต่อต้านและกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ปะทะกันกลางห้างสยามพารากอนในงานเปิดตัวหนังสือและซีดีภาพเหนือเกล้าชาวไทยว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ยืนยันว่าบรรยากาศการจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนที่มาร่วมงานด้วยความชื่นชมยินดี ต่างถวายความจงรักภักดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งเพียงไม่ถึง 10 คน ที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ฉกฉวยเอาโอกาสงานสำคัญเกี่ยวเนื่องกับงานฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มาตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงเพื่อหวังสร้างประเด็นการเมือง ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่านี่คืองานของในหลวง จนประชาชนที่มาร่วมงานส่วนหนึ่งที่เห็นว่าไม่สมควรและบางส่วนที่ให้กำลังใจนายกฯ รู้สึกไม่พอใจและมีการโต้เถียงกันขึ้น เจ้าหน้าที่ รปภ.ของนายกฯต้องพยายามกันกลุ่มคนที่ตะโกนไล่ นายกฯออกไป

แฉเล่นเล่ห์จรยุทธ์ป่วนการเมือง


โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า ส่วนที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าฝ่ายรัฐบาลไปจัดกลุ่มผู้สนับสนุนนายกฯมาตะโกน ทักษิณสู้ๆ ก่อนนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นความพยายามบิดเบือนประเด็น ใส่ร้ายป้ายสีป้ายความผิดมาให้คนอื่น ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แก่ใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงยุทธวิธี จัดตั้งกลุ่มจรยุทธ์ย่อยๆ พยายามสร้างให้เกิดภาพว่ามีคนต่อต้านนายกฯอยู่ทั่วไป เพราะกลุ่มพันธมิตรฯรู้ดีว่ามีคนส่วนมากไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมใหญ่แสดงพลังของกลุ่มพันธมิตรฯเพราะเห็นว่าเป็นตัวก่อปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยและเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาบ้านเมือง หากจะนัดชุมนุมใหญ่อีกก็จะไม่มีคนมาร่วมด้วย จึงต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้

หวังผลเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบ


วิธีการเช่นนี้ไม่ถือเป็นอารยะขัดขืน แต่เป็นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า นำไปสู่ความรุนแรง ใครก็ ตามที่อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งกลุ่มคนเล็กๆเหล่านี้เพื่อหวังสร้างกระแส ต้องระวังว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงในสังคม ทางเจ้าหน้าที่เองก็ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปจะปล่อยให้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากต่อไปหากนักการเมือง หัวหน้าพรรค หรือแม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯไปที่ไหนแล้วเกิดมีคนมาขับไล่บ้าง บ้านเมืองจะยิ่งวุ่นวาย ไม่มีทางสงบสุขได้ เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ดังนั้นขอให้ประชาชนร่วมกันประณามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนเหล่านี้ และช่วยกันเฝ้าจับตากระบวนการที่พยายามทำให้เกิดความรุนแรง เผชิญหน้าและนำไปสู่การเปิดช่องให้กลุ่มกระบวนการอำนาจนอกระบบและนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชดำรัสไว้แล้วน.พ.สุรพงษ์กล่าว

เผยมีขบวนการจ้องทำร้าย ทักษิณ


วันเดียวกัน ที่พรรคไทยรักไทย ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงความพยายามกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเว้นวรรคถึงขั้นการปะทะกันของประชาชนระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายสนับสนุนว่า มีขบวนการพยายามใช้กติกานอกรัฐธรรมนูญ ที่จะให้นายกฯเว้นวรรคทางการเมือง เพราะหากนายกฯอยู่ก็ไม่มีใครสู้ได้ เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณเป็นบุคคลที่มีความมานะ อดทน ตั้งใจทำงาน และมีความเฉลียวฉลาดเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่น จึงทำให้หลายฝ่ายรุมทำร้ายและทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯอีกต่อไป

จับตาพันธมิตรใช้ระเบิดพลีชีพ


ข่าวลึกๆ ถึงขั้นจะมีการปองร้ายเอาชีวิตนายกฯเลยทีเดียว ช่วงนี้จึงมีวิธีการที่จะใช้คนน้อยๆเหมือนยุทธการระเบิดพลีชีพ เพราะจากแหล่งข่าวที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทราบว่ามีความพยายามที่จะใช้ยุทธการระเบิดพลีชีพคือ ใช้คนแค่ 3-5 คนจ้างไปทุกแห่งที่นายกฯเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ จากนั้นคนเหล่านี้ก็จะตะโกนด่าทอและชูป้ายขับไล่นายกฯ ซึ่งพฤติการณ์เหล่านี้เป็นการใช้วิธีนอกกฎกติกามาทำร้ายนายกฯ แม้แต่นายกฯไปภาคเหนือก็มีการจ้างคนมาจากภาคใต้แล้วเอาลำไยมาเททิ้งและด่าทอชูป้ายขับไล่นายกฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสกปรกทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยกล่าว

กำชับสมาชิก ทรท.อย่าตกเป็นเหยื่อ


ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า พรรคได้เคยวิเคราะห์ว่าทุกครั้งที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่ไหน มักจะมีกลุ่มคนที่จัดตั้งเป็นกระบวนการในการก่อกวน เพื่อให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น จึงได้กำชับและแจ้งไปยังสมาชิกของพรรคไทยรักไทยทุกคน อย่าตกเป็นเหยื่อหรือไปปะทะด้วย ขอให้มั่นใจในกติกาจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ต่อไปเจ้าหน้าที่คงต้องมีความระวังมากขึ้น ใครที่ทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องจัดการ และอยากเรียกร้องไปถึงกลุ่มที่จัดตั้งด้วยว่าต้องคำนึงถึงบรรยากาศของประเทศด้วย เพราะการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศ ใครจะชอบหรือไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล การไม่ชอบใครในทางการเมือง มีวิธีการคือวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่การใช้ความรุนแรงถือว่าไม่ยึดกติกา

ซัด ทักษิณ ตัวสร้างความแตกแยก


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในส่วนเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับกลุ่มต่อต้านนายกฯที่ห้างสยามพารากอนนั้น ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ที่มีความแตกแยกกันระหว่างคนไทยในประเทศ ส่วนกรณีที่นายกฯตำหนิกลุ่มขับไล่เป็นคนจิตไม่พัฒนานั้น ก่อนที่นายกฯจะออกมาตำหนิติเตียน ควรหันไปดูตัวเองด้วยว่า จิตใจนายกฯได้พัฒนาแล้วหรือยัง ถ้าพัฒนาแล้วเหตุใดยังนั่งทับซากปรักหักพังทางสังคมที่มีวิกฤติในขณะนี้ แม้ที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยเคยมีเหตุการณ์วิกฤติครั้งใหญ่ ทั้ง 14 ต.ค.หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็ไม่เคยมีความแตกแยกกันรุนแรงถึงขนาดนี้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะยอมรับว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของความแตกแยก

สอนเชิงเลือกตั้งแก้วิกฤติไม่ได้


นายองอาจกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนสภาพสังคมไทยได้เป็นอย่างดี ที่ผู้นำไม่พยายามยุติความแตกแยก แต่ยังเดินหน้าขยายบริบทความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น ที่สำคัญไม่เชื่อว่าผลการเลือกตั้งจะสามารถยุติวิกฤติดังกล่าวได้อย่างที่นายกฯออกมาท้าทายประชาชน เพราะการเลือกตั้งเป็นกลไกประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่คำตอบทุกอย่างของปัญหาในบ้านเมือง ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งแล้วการทุจริตคอรัปชันจะหมดไป ตราบใดที่สิ่งเหล่านี้ยังเกิดขึ้นอยู่ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามนำเรื่องการเลือกตั้งมาท้าทายตลอดเวลา มั่นใจผลการเลือกตั้ง จึงอยากฝากให้นายกฯคิดนิดหนึ่งว่า จะชนะเลือกตั้งบนความพ่ายแพ้ของประเทศไปเพื่ออะไร หรือจะรอให้มีการลงไม้ลงมือ ให้คนไทยฆ่ากันตายก่อนจึงจะรู้สึก

เตือนนายกฯระวังไม่มีแผ่นดินอยู่


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนสามารถวิพากษ์ วิจารณ์แสดงออกภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพราะนายกฯคือคนของประชาชน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่กำลังหนีประชาชน นายกฯต้องพิจารณาตัวเองว่าวันนี้นายกฯไปไหนก็ถูกโห่ไล่คัดค้านต่อต้าน จึงพยายามอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อไปห้างสรรพสินค้าคิดว่าปลอดภัยก็ยังเจอถูกโห่ไล่ ทำให้คิดถึงคำพูดของนายชวน หลีกภัย ที่บอกว่าระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่อให้เห็นว่า เป็นไปตามคำพูดของนายชวนจริงๆ

อยากเรียกร้องให้นายกฯควรพิจารณาตัวเองอย่าบ่ายเบี่ยงว่า ถ้าไม่ชอบก็ให้ไปตัดสินในวันที่ 15 ต.ค.เป็นการท้าทายของนายกฯที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะบอกว่าประชาชนยังต้องการระบอบทักษิณหรือปฏิเสธระบอบทักษิณ อยากให้นายกฯเผชิญกับความเป็นจริง อย่าหนีประชาชน ถ้าหนีประชาชนก็ขอแนะนำว่า ไม่ต้องไปไหนมุดหัวอยู่ที่บ้านจะดีที่สุด เพราะถ้าออกไปในท้องตลาดหรือเดินในสังคมก็จะสร้างความแตกแยกในสังคมมากยิ่งขึ้น นายเทพไทกล่าว

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์