มาร์คยันไม่2มาตรฐาน-ดูแลปชน.ทั่วประเทศ

คมชัดลึก :“มาร์ค”ยัน ไม่เคยสองมาตรฐานพร้อมดูแลประชาชนทั่วปท.ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เชื่อออก พ.ร.ก.- พ.ร.บ.กู้เงินฯ เศรษฐกิจ ดีขึ้น


(6มิ.ย.) เวลา 15.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้กล่าวในโครงการสัมมนาเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในทางการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ปกครองท้องที่ที่รัฐสภาว่า เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนั้น คาดว่าจะสามารถนำเข้าสภาสมัยนิติบัญญติได้ในวันที่ 1 ส.ค.  ส่วนเรื่องค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนั้นจะเริ่มปรับในเดือนต.ค.โดยจะปรับขึ้นเป็น 2 ช่วง ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ของรัฐบาลที่ผ่านมา
 
 เขา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว เราได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจค่อนข้างรุนแรง โดยการส่งออกและการท่องเที่ยงลดลงร้อยละ 20 นอกจากนี้เศรษฐกิจ 3 เดือนสุดท้ายในปีที่แล้ว หดตัวเกือบร้อยละ 5 และ 3 เดือนแรกปีนี้หดตัวร้อยละ 7 ซึ่งถือว่ารุนแรงมากในประวัติศาสตร์ ซึ่งตนพึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้และได้สอบถามพบว่าประเทศในแถบเอเชีย ไม่ว่าญี่ปุ่น สิงคโปร์และเกาหลีก็ต่างติดลบมากกว่าเราทั้งสิ้น ดังนั้นงบประมาณปี 53 จึงลงไปยังคนที่อ่อนแอที่สุดคือเกษตรกร จากนั้นก็ช่วยเหลือประชาชนที่ตกงาน ดังนั้นขอให้ผู้นำชุมชนทุกคนช่วยกันติดตามเพราะอย่างเรื่องเบี้ยยังชีพที่ยังไปไม่ถึง
 
 นายกฯกล่าวว่า สำหรับงบประมาณปี 2553 เราพบความจริงว่า เศรษฐกิจหดตัวทำให้รายได้ที่จัดเก็บต่ำกว่าเป้า แต่เราก็ได้แก้ไขโดยขึ้นภาษีเหล้าและบุหรี่ เก็บภาษีน้ำมัน แต่เราไม่ได้ผลักภาระกับผู้ใช้น้ำมัน ซึ่งก็บรรเทาไปได้ แต่เงินก็ยังหายไป 2 แสนล้าน ดังนั้นเราต้องยอมรับความจริงว่าทุกกระทรวงทบวงกรม ทุกท้องถิ่น มีงบประมาณลดลง ส่วนงบประมาณที่ลดลงมามากที่สุด คือ สำนักนายกฯที่ตัดไปถึงร้อยละ 40 ส่วนที่จะสร้างที่จอดรถใต้ดิน 800 ล้านตนก็ได้สั่งยกเลิกทันที แต่อย่างไรตนยืนยันว่าทุกหน่วยสามารถบริหารจัดการได้ แต่หากท้องถิ่นใดงบประมาณไม่พอ และกระทบต่อรายจ่ายประจำก็ให้ทำเรื่องมา อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์งบประมาณเป็นแบบนี้รัฐบาลมองว่าเราต้องลงทุนต่อ จึงเป็นที่มาของการออกพ.ร.ก.กู้เงินและพ.ร.บ. เพื่อมาช่วยภาคเกษตรฯเพิ่มแหล่งน้ำ ถนนหนทาง
 
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีนโยบายที่จะชี้แจงให้สมาชิกรัฐสภาได้รับทราบงบประมาณปี 53 ที่จะกระจายไปในทุกโครงการ และเมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วก็ต้องขอความร่วมมือผู้นำชุมนุมทุกคนเร่งรัดให้โครงการเหล่านี้เข้าไปสู่ชุมชนอย่างเร็วที่สุด และขอให้ติดตามดูแลเรื่องความโปร่งใสไม่ให้เกิดปัญหารั่วไหลของการใช้เงิน อย่างไรก็ตามที่รัฐบาลทำไปทั้งหมดก็หวังเศรษฐกิจไทยจะฟื้น นอกจากนี้รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนบ้าง เนื่องจากปีนี้เราใช้เงินแสนสามหมื่นกว่าล้านแทรกแซงปัญหาการเกษตรฯ
 
 “หากย้อนกลับไปดูปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงพืชผลการเกษตรฯซึ่งซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่สูงกว่าท้องตลาด จึงทำให้สินค้าล้นสต๊อก ทำให้มีการกดราคาจากพ่อค้า ทำให้ปีที่แล้วรัฐบาลขาดทุน สามหมื่นห้าพันล้าน ถ้าสมมุติเราไม่ใช้การแทรกแซงแต่เอาเงินมาแจกเกษตรกรคนหนึ่งจะได้หลายพัน แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องการรับจำนำข้าวนาปรังนั้น รัฐบาลยังยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิก แต่พอจบส่วนนี้รัฐบาลจะต้องดูว่ามีวิธีการช่วยเหลือดีกว่านี้ไหม ที่จะเริ่มคือเอาเกษตรกรมาจดทะเบียน ใครมีพื้นที่ปลูกเท่าไหร่ พอถึงช่วงขายของตัวเอง ก็กำหนดราคาว่ารัฐบาลประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งตรงนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ โปร่งใสไม่มีการทุจริต โดยจะเริ่มที่มันสำปะหลัง และเรื่องข้าวก็จะตามมา”นายกฯกล่าว
 
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายด้านอื่น อย่างเรียนฟรี ช่วยผู้สูงอายุเราทำต่อเนื่อง และปีหน้าจะทำเบี้ยคนพิการ อย่างไรก็ตามอยากเรียนยืนยันว่าเรื่องเศรษฐกิจเราทุ่มเทเต็มที่และหาวิธีการไปตรงให้มากที่สุด ส่วนเรื่องค่าตอบแทนจะดูให้ทุกกลุ่ม แต่ถ้าขยับยากก็เป็นมาจากฐานะทางการคลังของประเทศ สำหรับจังหวัดสระบุรี อ่างทองที่มีการปลูกข้าวเยอะจะดูแลเต็มที่ ส่วนที่จังหวัดหนองคาย ก็เรียนว่ามีเรื่องที่ตนพยายามพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านในการหาช่องทางการค้าชายแดน ส่วนจังหวัดยะลาเราก็เป็นห่วงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลก็ทุ่มเทแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนให้เยาวชนมีงานทำ
 
 นายกฯกล่าวยืนยันว่า ตนเข้ามาก็จะพยายามทุ่มเททำงานให้กับประชาชนทุกภาค โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชั่ง และไม่สร้าง 2 มาตรฐานแน่ แต่ก็ยอมรับในเรื่องการทำงานในกระบวนการ อย่างเรื่องคดียังมีปัญหาเยอะ ไม่ใช่แต่คดีทางการเมืองเท่านั้น อย่างเรื่องยาเสพติดก็มีมากในหลายจังหวัดและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องเอง ตรงนี้ต้องทำให้เด็ดขาด ซึ่งคดีทั้งปีที่แล้วและทุกคดี ตนได้เร่งรัด และมีลายลักษณ์อักษรว่าตนสั่งการอย่างไร ให้ชี้แจงว่าคดีไหนช้า ทำไมคดีนี้เร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนพอใจ อย่างที่มีการกล่าวหาในเรื่องสถานีโทรทัศน์ว่ารัฐบาลใช้ 2 มาตรฐานนั้น เรียนว่าหากสถานีโทรทัศน์ไหนทำผิดกฎหมายตนก็พร้อมดำเนินการ ใครไม่ชอบรัฐบาลวิจารณ์ได้ แต่ที่ทำไม่ได้ คือ ใช้สื่อยุยงให้คนทำผิดกฎหมาย อย่างให้ยุยงให้เกิดการจลาจล ยุยงให้ตามไล่ล่าตนยอมไม่ได้
 
 “ผมมาจากการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบคนที่เลือกผมเข้ามา ผมทำดีไม่ดี ใครทำดีกว่าก็เป็นเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย และขอฝากผู้นำชุมชน ว่าปมขัดแย้งทางการเมือง นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาเพื่อให้เป็นระบบ ซึ่งหากใครคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม คณะกรรมการฯกำลังศึกษา หากพี่น้องต้องการมาชุมนุมต้องการเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ทำได้แต่ต้องทำภายใต้กฎหมาย แต่ที่ขอเวลาและโอกาสไม่ใช่ขอกับตัวเอง แต่ขอเพื่อคนไทย หากการเมืองนิ่งระดับหนึ่ง ระดับที่เรารักษากฎหมายได้ บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ เพราะตอนนี้เวลาไปต่างประเทศมีแต่คนถามว่าบ้านเมืองสงบหรือยัง และหากไม่สงบ เราก็เท่ากับซ้ำเติมตัวเอง จึงขอให้ทุกคนไปทำความเข้าใจกับประชาชนและหากเดือดร้อนอะไรก็สามารถผ่านส.ส.มาได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งผมรับฟังหมดทุกคน”นายอภิสิทธิ์กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์