เสนาะรับหนักใจกก.สมานฉันท์แบ่งสองฝ่าย

วันนี้ (11 พ.ค.) นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า

อยากให้มีการพูดคุยกันให้ชัดเจนก่อน โดยทุกฝ่ายต้องไม่เห็นแก่ตัว หรือเอาประโยชน์อยู่เหนือหลักการคุณธรรม ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนสื่อมวลชนเองต้องระมัดระวัง ไม่ใช่พูดอะไรก็เอาไปเสนอข่าวทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคยพูดไปแล้วถึงเหตุผลของความขัดแย้ง แต่กลับถูกมองว่ามีความเอนเอียง

"การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ขึ้นมา จริงๆ แล้ว ควรเป็นลักษณะพูดคุยกันแบบพี่น้อง ไม่ใช่มาเอาชนะคะคานหรือถกเถียงกัน เพราะแม้แต่คณะกรรมการฯ ยังปรองดองไม่ได้ แล้วจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้ยอมรับว่ามี 2 ขั้ว คือ ขั้วพรรคเพื่อไทยกับขั้วพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อสู้กันมา รวมถึงการได้มาซึ่งอำนาจ แต่เรื่องนี้ ไม่ขอพูด เพราะมีแต่ความแตกแยก จนเกิดรอยร้าวในสังคม ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกัน" นายเสนาะกล่าว

นายเสนาะ กล่าวด้วยว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อย่าไปยึดติดกับคน ๆ เดียว ไปทำเรื่องไร้สาระเพื่อกล่าวหาคนๆ เดียว

แต่พอตนพูดไปก็ถูกกล่าวหาว่าไปรับเงิน แต่การยึดทรัพย์กว่า 60,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยไม่สามารถตั้งข้อหาอะไรได้เลย แต่ไปเอาผิดในคดีซื้อขายที่ดิน ดูแปลก ๆ ดังนั้น การแก้ปัญหาควรดูที่พื้นฐานของความแตกแยกว่า มาจากตรงไหน ถ้าไม่รู้ก็ไม่ควรไปแก้ไข

ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายเสนาะ กล่าวว่า จะเอาอะไรไปถามประชาชน  คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อนว่าจะต้องทำเรื่องใดบ้าง เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนจะแก้ไขกันอย่างไรก็ทำกันไป


ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญและข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองว่า

หากจะนิรโทษกรรมให้เฉพาะนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 111 คนและ 109 คน ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่หากจะทำเพื่อคนหมู่มากก็เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน เพื่อให้สังคมกลับไปสู่ความสงบสุขได้ ทั้งนี้ ตนเคยพูดไปแล้วว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้เกิดปัญหาต่อประเทศมากมาย จึงต้องมาแก้กติกาให้อำนาจอธิปไตยกลับไปอยู่ที่ประชาชน รวมทั้งสิ่งที่เป็นผลพวงจากการทำรัฐประหารก็ต้องมีการแก้ไขด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่อยากให้ความเห็นในเรื่องนี้ 

เพราะช่วงที่ผ่านมา หากมีความเห็นต่างทางการเมือง  จะทำให้ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม การนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ทำความผิดช่วงที่มีการชุมนุมถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่ไปบุกยึดสนามบินและทำเนียบรัฐบาล เป็นความผิดทางอาญาทั้งสิ้น ต้องถูกตั้งข้อหาจนไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้น จึงควรกลับไปเริ่มต้นใหม่ด้วยการนิรโทษกรรม

"ที่ผ่านมา คนที่ถูกดำเนินคดีในช่วงที่มีการชุมนุมประท้วงใหญ่ ๆ เช่น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หรือย้อนไปในเหตุการณ์อดีต ถือว่ามีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น หากคนเหล่านี้ได้รับการนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแหลืองหรือเสื้อแดง ก็เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในสังคมได้" นายพงศ์เทพ กล่าว

นายพงศ์เทพ กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ไม่ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น สังคมไทยคงดูได้ว่า หลังการยึดอำนาจมีกระบวนการยุติธรรมที่ต่างจากปกติเข้ามาดำเนินการ

และการกระทำลักษณะเช่นนี้สังคมไทยควรจะยอมให้เกิดขึ้นหรือไม่ หรือควรจะรอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามปกติก่อน  และการนิรโทษกรรมโดยปกติแล้ว มักจะยกโทษให้กับผู้ที่มีความผิดในคดีอาญาด้วย ดังนั้น อย่าไปมองว่าการนิรโทษกรรมเพื่อต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นคดี เพราะการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ มีโทษจำคุกแค่ 2 ปี แต่การไปปิดสนามบินหรือบุกยึดทำเนียบรัฐบาล มีโทษหนักกว่านี้มาก.

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์