สนธิแฉทหารแตกแถว-นักการเมืองเก่าลงขันเก็บ เตือนมาร์คระวังตัว ไม่เชื่อประวิตร-ผบ.ทบ.วางแผน


"สนธิ" ปักใจฝีมือทหาร ออกตัวไม่เกี่ยว"ประวิตร-ผบ.ทบ." ซัดพวกแตกแถว-นักการเมืองรุ่นเก่าลงขันสั่งเก็บ ส่งทีมล่าสังหาร 4 คันยิงถล่ม ย้ำปมสูญเสียผลประโยชน์ทางการเมือง ส่งสัญญาณถึงนายกฯก็ตายได้ หวังเตือนให้ระวังตัว ตกอยู่ในอันตราย เผย ตร.ออกหมายจับ "จ.ส.อ."คนยิงเอ็ม79 ดอนเมือง-ศาล รธน.


นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เปิดแถลงข่าวกรณีถูกคนร้ายลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมากับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 3 พฤษภาคม พร้อมด้วยบรรดาแกนนำพันธมิตร พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน พธม.

ทั้งนี้ นายสนธิกล่าวถึงประเด็นสำคัญๆ การถูกลอบสังหารว่า มีอยู่ 2 มิติ คือการลอบสังหารในฐานะเป็นสื่อมวลชน ที่ไปทำหน้าที่โดยสุจริต รักษาผลประโยชน์โดยส่วนรวม และมิติที่ 2 คือการลอบสังหารเพราะเป็นหนึ่งในแกนนำมวลชนซึ่งเป็นภาคประชาชน ทั้งสองอย่างเป็นมิติที่อุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิต กระทำโดยคนมีอำนาจและมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ ลักษณะการลอบสังหารนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการส่งสัญญาณไปให้หลายฝ่าย รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยว่า "ถ้าสนธิตายได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ตายได้ และมีนัยยะเลยไปกว่านายกฯด้วย ว่า ในประเทศนี้ถ้าใครมีอำนาจ มีปืน ร่วมมือกันนึกจะทำอะไรก็ย่อมทำได้ ไม่คำนึงเลยว่าเมื่อทำแล้วคนในวงการสื่อมวลชนจะยืนอยู่ได้อย่างไร สังคมไทยจะยืนอยู่ได้อย่างไร"

นายสนธิกล่าวว่า ยังเป็นการข่มขู่คุกคามที่หากทำสำเร็จก็จะทำให้ผู้นำสื่อมวลชน ผู้นำมวลชน แกนนำทั้งหลายเกรงกลัว เป็นการข่มขู่ที่สามารถล้มรูปแบบการต่อสู้ที่เปิดเผย เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว และการลอบสังหารนั้นใช้ขบวนรถ 4 คัน เท่าที่ทราบมีคนที่เข้ามาร่วมด้วยเยอะพอสมควร 10 กว่าคน ประกอบกับภาวะเหตุกาณ์ที่กล้องวงจรปิดเสียกะทันหันถึง 5 ตัว ย่อมเป็นพยานแวดล้อมที่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการร่วมมือกันของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่เป็นการกระทำของมือปืนมืออาชีพ แต่เป็นลักษณะขบวนการที่เรียกว่าทีมล่าสังหาร

"ซึ่งไม่ใช่เกิดเป็นส่วนบุคคล แต่ต้องผ่านการฝึกอบรมจากแหล่งต่างๆ ยืนยันได้ว่า เป็นฝีมือของทหารและเป็นทหารบางคนเท่านั้น ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพ เพราะกองทัพส่วนใหญ่เป็นทหารอาชีพจะไม่ทำเรื่องที่น่าอัปยศอดสูเช่นนี้เด็ดขาด ผมเชื่อมั่นว่าเหตุที่เกิดมาจากทหารไม่กี่คน นอกนั้นไม่มีส่วนรับรู้หรือรู้เห็นอะไรด้วย"

นายสนธิยังระบุว่า แหล่งข่าวพันธมิตรซึ่งเป็นทหารด้วยกันตัดสินใจเล่าให้ฟังว่ากลุ่มคนที่ยิงเอ็ม 79 ที่ดอนเมือง และที่ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นกลุ่มคนเดียวกัน และเตรียมการที่จะยิงต่อ และมีคนนำข้อมูลเหล่านี้แจ้งไปที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ก็แจ้งข้อมูลให้ทราบ ซึ่งผลจากการสืบสวนภายใน ยืนยันว่าเป็นความจริง และกำลังดำเนินการจับกุมอยู่ โดยเป็นทหารยศ "จ่าสิบเอก"ยังอยู่ใน กทม. เป็นคนเดียวกับที่ยิงศาลรัฐธรรมนูญ และที่นี่ด้วย เป็นข้อมูลใหม่ให้เห็น

นายสนธิยังเชื่อว่าเป็นการมุ่งสังหารเนื่องมาจากการเสียผลประโยชน์ของทหารรุ่นเก่ากับพวกนักการเมืองรุ่นเก่าที่เกรงกลัวการเมืองใหม่ จึงเห็นพ้องร่วมกันว่านายสนธิต้องตาย ส่วนใครเป็นผู้ลงขันนั้น เป็นเรื่องภายในที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และคงไม่เปิดเผย

นายสนธิยังกล่าวถึงขณะนี้หลายกระแสพุ่งตรงไปที่ คุณวิระยา ชวกุล (ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปภัมภ์) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รัฐมนตรีว่าการกรทะรวงกลาโหม) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (ผู้บัญชาการทหารบก) ขอกราบเรียนให้ทราบว่า ไม่ได้คิด และไม่เชื่อว่าคนพวกนี้เป็นผู้วางแผน เพราะว่าทุกคนก็ออกมาปฏิเสธกัน

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณวิระยา ชวกุล ก็ออกมาปฏิเสธ แต่ผมจะฝากกราบเรียน เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผม สมมุติไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ แต่ถึงจะเป็นจริงผมก็ไม่โกรธ ผมให้อภัยไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจที่ท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมเป็นเพียงแต่ว่าอยากจะฝากเตือนไปนิดหนึ่ง เป็นสัจธรรมที่ทุกๆ คนทราบว่าคนเรานั้นโกหกใครก็ได้ แต่โกหกกับตัวเองไม่ได้เด็ดขาด มโนธรรม สำนึก จะติดตัวอยู่กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิตจะหมดไป กว่าจะตายก็จะตายอย่างทุรนทุรายก็ได้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยทำผิดอะไรไว้ เพราะฉะนั้นแล้วผมดีใจที่คุณวิระยา ชวกุล ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ผมก็อนุโมทนาสาธุให้ด้วย"

นายสนธิยังกล่าวถึงมีข่าวลือว่า ถอดใจจะเลิกแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่แพทย์ให้พักฟื้นเพราะน้ำในหูไม่เท่ากัน ยังหน้ามืดอยู่ จะใช้เวลาพักฟื้นอีกระยะ การพักฟื้นมีหลายรูปแบบ เช่นไปต่างประเทศ แต่ไม่ใช่อินเดียหรือเนปาล อาจไปไหว้พระที่ผมเคยไป หรือไปสหรัฐ เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์ต่างๆ เพราะคิดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้คงมีการแถลงข่าวของตำรวจว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัยบ้าง เพราะไม่ต้องการเป็นตัวละครในเรื่อง เพราะให้อภัยแล้ว

นายสนธิกล่าวว่า ยังเป็นห่วงนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าอยู่ในช่วงอันตราย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่พัทยาหรือกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะกลุ่มผู้ก่อการต้องการส่งสัญญาณให้เห็นว่า หากนายสนธิตายได้ ย่อมกระเทือนไปถึงนายอภิสิทธิ์รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องสูงขึ้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิแถลงข่าวครั้งนี้มีใบที่ยิ้มแย้มโดยรอยแผลที่ศีรษะตรงรอยที่โดนกระสุนเป็นสีแดงอ่อนๆ และมีรอยผ่าตัดมีผมขึ้นบางส่วนทำให้เห็นแผลที่ผ่าตัดไม่ชัดเจน  

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงคนดูแลทางด้านความมั่นคงหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนนายอภิสิทธิ์ได้ แต่ตอบแทนได้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตท่านก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน "ผมเป็นคนแรกที่แจ้งกับประชาชนว่า เหตุการณ์ที่เกิดที่พัทยา มีการวางแผนมาอย่างดี ในทางลึกผมทราบว่า คนพรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับเรื่องนี้ ส่วนการที่จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนนั้นเป็นสิทธิของท่านอภิสิทธิ์ แต่กระบวนการตรวจสอบในเรื่องของคดียังมีอยู่แน่นอน ผมให้ความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงกับ พล.ต.อ.ธานี และหากมีการดำเนินการไปสู่อีกระดับหนึ่งต้องเปิดเผย ท่านนายกฯก็จะต้องแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด"

ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรจะยึดกรณีที่ถูกลอบทำร้ายมาเป็นประเด็นในการต่อสู้หรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า "ผมกรวดน้ำคว่ำขันให้น่ะ มันเป็นวิถีชาวพุทธ คือไม่อาฆาตแค้นกัน การที่ผมเสียเลือดเสียเนื้อ รอดตายมา ก็เพราะว่าบุญกุศลที่ทำเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำไว้กับชาติบ้านเมือง ส่วนเรื่องพันธมิตรจะใช้ประเด็นนี้ออกมาปฏิบัติการอย่างไรนั้น ขอให้ทางแกนนำพันธมิตรเป็นผู้ตอบคำถามนี้ดีกว่า"
เมื่อถามว่า ประเด็นลอบสังหารคือเรื่องขัดขวางผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น ไม่มีประเด็นเรื่องส่วนตัว นายสนธิกล่าวว่า ไม่มี

ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวภายหลังนายสนธิ แถลงเปิดใจเชื่อว่าทหารเป็นคนลอบสังหารว่า ได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งแล้ว ทุกฝ่ายต้องแสดงความชัดเจนออกมา ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด อย่าเตะถ่วง เพราะเป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกลางเมือง และอย่าอ้างเหตุที่คนร้ายอาจเป็นทหารทำให้การคลี่คลายคดีเป็นอุปสรรค เรื่องนี้แม้แต่ พล.อ.อนุพงษ์ก็ยังบอกเลยว่า แม้คนผิดเป็นทหารแต่ก็ต้องถูกดำเนินคดี เชื่อว่าถ้าตำรวจทำอย่างจริงจังใช้วิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ น่าจะสามารถคลี่คลายคดีได้และความน่าเชื่อถือน่าจะเพิ่มขึ้นมาด้วย

"ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ก็ควรกลับไปตรวจสอบภายในกรมกองด้วยว่า มีทหารคนไหนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วอาวุธสงครามเหล่านั้นหลุดจากหน่วยมาได้อย่างไร ไม่ควรเอาแต่พูดยืนยันว่าผมจะรับผิดชอบอย่างเดียว แต่ไม่ทำอะไรเลย" นายบุญยอดกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์