สนธิเปิดใจผมแฉสุภาพสตรีท่านหนึ่ง

คมชัดลึก :"สนธิ"เปิดใจ"ผมไปเปิดโปงสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เลยเกิดการลงขันกันที่เรียกว่ากฐินสามัคคี"

"สนธิ ลิ้มทองกุล" นัดเปิดใจสื่อมวลชน พร้อมกับแถลงจุดยืนการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ บ้านพระอาทิตย์ วันที่ 2 พ.ค.แต่ก่อนหน้านั้น "สนธิ" ได้ให้สัมภาษณ์กองบรรณาธิการ "เนชั่นสุดสัปดาห์" ในหลายประเด็นที่สังคมอยากทราบว่า สาเหตุที่แท้จริงของการลอบสังหารครั้งนี้มาจากเรื่องใด? และใครเป็นผู้บงการ?
 
 แต่ที่มากไปกว่าเรื่องใครฆ่า? น่าจะเป็นการเปิดโปง "กลุ่มขั้วอำนาจใหม่สีเขียว" ที่ "สนธิ" ย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับการเมืองใหม่ ของกลุ่มพันธมิตรฯ
 
 ปากคำของ "สนธิ" นับจากบรรทัดนี้ไปคือการวิเคราะห์กลุ่มอำนาจใหม่ชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง

 0 ถ้ามองจากคดีลอบสังหารครั้งนี้ ทำให้นึกถึงบรรยากาศการเมืองยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ ดูเหมือนการเมืองไทยยังไปไม่ถึงไหนเลย คุณสนธิ มองเรื่องนี้อย่างไร

 ผมสนใจว่า การเมืองชุดปัจจุบัน ที่มันเกิดขึ้นหลังจากคุณทักษิณไปแล้ว จะคืนมาได้อย่างไร มันก็เกิดขึ้นมาได้ การที่ทหารตัดสินใจไปบีบพรรคร่วมรัฐบาลให้ย้ายค่าย มาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนว่า นี่คือการเมืองเก่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ทหารหรือกลุ่มการเมืองเก่า ยังต้องการมาเป็นใหญ่

 กลุ่มเนวินไม่มีวันต้องการการเมืองใหม่ เพราะถ้าเป็นการเมืองใหม่ มันโปร่งใส ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าการเมืองเก่าแบบนี้ ก็จะทำอะไรได้ตลอด

 สมมติเขาเอาคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) มาลงทุนในพรรครวมใจไทย แล้วยุบสภาฯ เลือกตั้ง ชูคุณประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค แล้วใช้เงินซื้อเสียง ใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่ในกระทรวงมหาดไทยบ้าง ตำรวจบ้าง แล้วคะแนนเสียงมาที่หนึ่ง ก็ไม่มีใครกล้าหยุด เพราะเขาเป็นพรรคทหาร

 สมมติคุณประวิตร เป็นนายกฯ คุณอนุพงษ์ ก็รอจนกระทั่งถึงงวดหน้า พอคุณประวิตรเกษียณ คุณอนุพงษ์ก็ไปต่อ และต่อไปเรื่อยๆ เป็นการสืบทอดมรดก สมบัติผลัดกันชม
 ด้วยเหตุนี้ พวกนี้ถึงได้เกลียดการเมืองใหม่ เพราะการเมืองใหม่เป็นสิ่งที่ พันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผม เรียกร้องความโปร่งใสในการทำงาน เพราะผมมองเห็นว่าชาติบ้านเมืองไม่มีทางไปได้อีกต่อไปแล้ว

 การเมืองใหม่ หมายถึง การยับยั้งและยุติ แนวทางของการคอร์รัปชัน ตรงนั้นต่างหากที่เขารับกันไม่ได้
 เพราะฉะนั้น การลอบสังหารผมครั้งนี้ แท้จริงแล้วก็คือ เขาเห็นว่าผมคืออุปสรรคอันใหญ่สุด เพราะผมรู้ทันเขาหมด และผมก็เป็นคนชี้ให้เห็นมาตั้งแต่ต้นเลยว่าผมเป็นคนพูดเมื่อ 3-4 วัน ก่อนที่ผมจะถูกยิง

 คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกลอบสังหาร 2 ครั้ง ครั้งแรกที่พัทยา ครั้งที่สองที่กระทรวงมหาดไทย เพียงเพื่อให้เกิดมูลเหตุการณ์ปฏิวัติขึ้นมา เพียงแต่ว่าคุณอภิสิทธิ์ รอดอย่างปาฏิหาริย์ แต่ผมรอดคนละปาฏิหาริย์

 คุณอภิสิทธิ์รอดโดยไม่เจ็บตัว แต่ผมรอดแบบเจ็บตัว ถูกไม่ถูก เพราะฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์เอง ก็เลยแก้ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอภิสิทธิ์จะเลือกเดินอย่างไร
 การที่ผมไปรู้ทันเขา เลยทำให้เขามีความรู้สึกอะไรบางอย่าง และอีกอย่าง คือผมไปเปิดโปงสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เลยเกิดการลงขันกัน ที่เรียกว่ากฐินสามัคคี

 คนเขาบอกว่า ผมโจทก์เยอะ ผมไม่ปฏิเสธ เพราะสิ่งที่ผมสู้นี่ ผมสู้กับคนเกือบทั้งแผ่นดินที่คิดชั่ว เมื่อใดก็ตาม ถ้าคุณยืนอยู่บนจุดของความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต แล้วบอกว่าชาติบ้านเมืองต้องทำเพื่อส่วนรวม มันต้องยุติการกระทำเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่ทำเรื่องส่วนรวมแล้ว ชาติบ้านเมืองจะไปไม่รอด
 ถ้าเมื่อใดคุณคิดอย่างนี้ คุณหันซ้าย คุณก็เจอศัตรู หันขวา ก็เจอศัตรู รอบด้าน แต่คุณจะทำอย่างไร คุณก็ต้องเดินหน้าต่อไป

0 ถ้ากลุ่มอำนาจใหม่มองว่าการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ เป็นอุปสรรค แสดงว่า สิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งชูคำขวัญโค่นศักดินา หรือโค่นอำมาตย์ แสดงว่ามันยังอันตรายน้อยกว่าการเมืองใหม่

 ทหารบางคนอยู่ในภาวะการณ์น้ำท่วมปาก ด้านหนึ่งก็แสดงออกว่า ตัวเองจงรักภักดีต่อสถาบัน แต่ลึกๆ แล้วไม่สนใจหรอก ในเชิงลึกผมรู้ว่า คนพวกนี้ไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ขอให้ตัวเองอยู่ได้ มีงบประมาณซื้ออาวุธ ขอให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา สถาบันจะมีหรือไม่มี ไม่สำคัญ แต่ความที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ จำเป็นต้องแสดงออกว่า มีความจงรักภักดี ก็เลยอยู่ในสภาวะของคนที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก

 คนที่ขึ้นชื่อว่าผู้บัญชาการทหาร ไม่ว่าจะหน่วยไหนก็ตาม โบนัสข้อแรก คือ งบลับ ได้ใช้อยู่แล้ว เขาคบกับคุณเนวิน มีความสุข เขารู้ว่าเนวินต้องพึ่งเขา ในการใช้กำลัง หรือพึ่งเขาในการใช้วิถีไปข่มขู่สองพรรคการเมืองอยู่ตรงกันข้ามว่าจะยึดอำนาจ คือใช้วิธีเดิมๆ

 ในขณะเดียวกัน คุณเนวินก็แฮปปี้ เพราะทหารต้องพึ่งคุณเนวิน ทหารไม่สามารถออกหน้าอย่างเต็มตัวได้ เลยต้องให้นักการเมืองอย่างคุณเนวิน ออกหน้า มันเลยเจือผสมกันหมดทั้งสองฝ่าย

0 มีเสียงวิจารณ์เรื่องการออกมาของทหารว่า แท้จริงแล้ว พันธมิตรเองมิใช่หรือ ที่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำรัฐประหารอีกครั้ง

 จริงๆ แล้ว โดยส่วนตัวผม ผมไม่ได้รังเกียจการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ขึ้นอยู่ว่าคุณจะปฏิวัติรัฐประหารไปเพื่ออะไร ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อสมบัติผลัดกันชม เหมือนสมัยที่ คมช.ทำ ผมไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น ผมเห็นด้วย

 ถ้าฟังให้ดี ผมบอกว่า "ถ้าทหารออกมา ผมไม่ขัดข้อง แต่ถ้าทหารปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้"
 จริงๆ จุดยืนของผมกับเสื้อแดง ไม่ต่างกันหรอก ถ้าทหารออกมาปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้ แต่ถ้าปฏิวัติเพื่อล้มล้างทุกอย่าง จุดนี้ระหว่างผมกับเสื้อแดง ต่างกันแล้ว

 ต่างกันตรงที่ว่า ผมมองว่า สถาบันกษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทย ยังมีความจำเป็นอยู่ จุดยืนผมตรงนี้ชัด แต่เสื้อแดงไม่ชัดนี่ มันก็เป็นข้อแตกต่าง ระหว่างปรัชญาที่ว่า คุณเชื่อประเทศไทยจะเดินต่อไปด้วยโครงสร้างสังคมแบบไหน

 สำหรับผม ผมยังเชื่อว่าโครงสร้างสังคมที่ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นโครงสร้างที่ดีที่สุด ซึ่งข้อแตกต่างของผมกับเสื้อแดงอยู่ตรงนี้
 สิ่งที่เสื้อแดง กับผม เห็นพ้องต้องกัน คือ ปฏิวัติสังคมมิใช่หรือ

0 ถ้าเป็นการเมืองใหม่ในแบบที่พันธมิตรฯ ออกแบบไว้ คิดว่าสังคมโลกจะมองเราอย่างไร

 ข้อผิดพลาดของสังคมไทยคือ หนึ่ง-เราไปแคร์สังคมโลกมากเกินไป สอง-เราไปใช้ทฤษฎีการศึกษาของโลกมากเกินไป ที่เราเจ๊งทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะมีนักเรียนที่จบเอ็มบีเอจากตะวันตกมากเกินไปหรือ
 ผมว่าประเด็นสำคัญที่สุด เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราคือใคร? ทุกวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเราคือใคร อย่างที่ผมเห็นเขาแก้รัฐธรรมนูญ สังคมไทย เข้าใจผิดว่าการมีรัฐธรรมนูญ คือการมีประชาธิปไตย ไม่ใช่

 รัฐธรรมนูญคือวิธีการปกครอง จนวันนี้เรามีรัฐธรรมนูญไม่รู้กี่ฉบับ เป็นประเทศเดียวที่มีรัฐธรรมนูญมากที่สุด แต่ยังไม่รู้ หลักการปกครองอยู่ที่ไหน เราต้องเริ่มด้วยหลักการปกครองก่อน

 ทำไมพระพุทธเจ้าไม่พระวินัยก่อนพระธรรมล่ะ พระพุทธเจ้าต้องตรัสรู้ก่อน ว่า พระธรรมคำสอน พอเสร็จจึงร่างพระวินัยตามมา หลักการปกครองก็เกิดขึ้น เราจะปกครองแบบภราดรภาพหรือเปล่า หรือเราจะปกครองกันด้วยความเอื้ออาทรหรือเปล่า หรือปกครองอย่างการมีเสรีภาพในการทำมาหากิน

 จากนี้ไป ต้องมีการคุยกันก่อนระหว่างประชาชน ว่าหลักการปกครองคืออะไร ถกเถียงกันให้เรียบร้อย มีฉันทามติทั่วประเทศ ว่าหลักการปกครองที่เราศึกษามาหนึ่งปี ประชาพิจารณ์มาหนึ่งปี มีเบ็ดเสร็จไม่เกิน 14 หลักการ ถ้าเห็นชอบด้วย เราค่อยมาออกประชามติ ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับ 14 หลักการปกครองนี้คือหลักใหญ่ที่สุดของประเทศ ถ้าทุกคนเห็นด้วย เราค่อยมาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นเครื่องมือในการปกครองต่อไป

0 หากจะเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองใหม่ ต้องเริ่มจากตรงนี้ก่อน

 ใช่ เราต้องกำหนด 'หลักการปกครอง' ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันถึง 'วิธีการปกครอง' เราต้องเอาทุกภาคส่วนมาคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดง เสื้อแดงที่รักชาติก็มี

 ผมไม่ได้เป็นคนเกลียดเสื้อแดงนะ ผมมีความรู้สึกว่า เสื้อแดงบางคนก็มีเจตนาที่ดี เพียงแต่ว่า หนึ่ง-เขาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และ สอง-เขาไม่เคยรู้ว่าเขาตกเป็นเครื่องมือ
 จำไว้อย่างหนึ่งนะครับว่า พันธมิตรฯ ที่เป็นสมาชิกเรา แกนนำไม่เคยใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือเลย เราโปร่งใสให้เขาทุกเรื่อง เราทำในระบอบทั้งหมด

 ต่างกับเสื้อแดง จะทำอะไรตกลงกันเพียงคนไม่กี่คน คุณวีระ คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ และใครอีก รวมๆ ก็แค่ 4-5 คนนั้น และเบื้องหลัง 4-5 คน ยังมีข้างหลังอีกตั้งไม่รู้กี่คน แล้วไล่ไปชัดๆ จนไปจบที่คุณทักษิณ เพราะฉะนั้น คนเสื้อแดงเข้าไม่ถึงข้อมูล ผมคิดว่า เสื้อแดงที่มีเจตนาดีก็เยอะ

 คุณไม่สังเกตหรือ ช่วงหลังตอนที่มีภาพคนเสื้อแดงไปเผารถเมล์ ปริมาณคนที่สนับสนุนคนเสื้อแดงลดน้อยลงไปนะ เพราะเหตุนี้ไงผมถึงบอกว่าบ้านเมืองไทยด้วยเหตุนี้ก็คือกระบวนทัศน์ตรงนี้ ทหารยังไม่เรียนรู้ ทหารเรียนรู้อย่างเดียวคือ เสื้อเหลือง-เสื้อแดง คือตัวการทำให้บ้านเมืองแย่ การคิดและมองอย่างนี้ ง่ายจนเกินไป

0 แต่ก็มีคนคิดว่า แดงกับเหลือง เป็นตัวปัญหาในเวลานี้
 ตลอดเวลา

0 และคิดว่าต้องจัดการให้หมดทั้งสองสี
 แล้วไง ผมก็อยากจะถามคนที่คิดอย่างนั้นว่าเมื่อคุณจัดการสองสีเสร็จแล้ว คุณคิดว่าบ้านเมืองสงบใช่มั้ย สงบเพราะอะไร เพราะไม่มีใครประท้วงแล้วใช่ไหม ผมถามบ้างว่า การที่ไม่มีใครประท้วงนี่ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

0 มีคนพูดอีกเหมือนกันว่า ถ้าจัดการ 'คนเสื้อเหลือง' ทุกอย่างก็จบ
 เขาคิดโง่ ไม่ฉลาด เพราะว่าปัญญา เมื่อลงสู่ผู้คนแล้ว มันต้องจัดการสภาพสิ้นไร้ปัญญาให้หมดไป เหมือนอินเดีย มหาตมคานธี ได้ปลุกคนอินเดียลุกขึ้นมา แม้อังกฤษฆ่าท่านไป จัดการคนอินเดียได้ไหม ไม่ได้ เพราะคนอินเดียมีเป็นล้านๆ คน คุณจะจัดการคนอินเดียที่ตื่นแล้วยังไง นั่นคือที่มาของคำว่า ปัญญา ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

 ถ้าดูปริมาณและคุณภาพ ที่อยู่ฝั่งพันธมิตรฯ ปี 2552 เมื่อเทียบกับ 2548-2549 จะเห็นว่าต่างกัน ทั้งปริมาณ และคุณภาพ ปริมาณมากกว่าเดิมเยอะ คุณภาพเองก็สูงกว่ากันเยอะ

0 ถ้าเสื้อแดงถูกกำราบออกไป เหลือแต่เสื้อเหลือง ถ้าเกิดมีเสื้อเหลืองเคลื่อนไหวคัดค้านอีก กระแสต่างๆ ก็พุ่งมาตรงนี้เหมือนกัน

 ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการที่แกนนำต้องมาคุยกัน แต่ส่วนตัวผม เห็นว่า ถ้าอยากจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็แก้ไป เหตุผลเพราะปัญหาอยู่ที่คุณอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์

 ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการที่จะมี 'ชีวิต' อยู่ในรัฐบาลให้ 'นาน' แต่ 'ชีวิตพรรคสั้น' ก็แก้ไป แต่ถ้าต้องการที่จะมี 'ชีวิตพรรค' ที่ 'ยาวนาน' ถึง 'ชีวิตรัฐบาล' จะ 'สั้น' เขาก็จะไม่ควรแก้  
 เท่าที่ผมสังเกตแล้ว การแก้คงไม่ง่าย เพราะคุณอภิสิทธิ์ พูดถึงว่า ต้องใช้เวลา จริงๆ คือการซื้อเวลา
 ถ้าถามส่วนตัวผม ไม่ใช่มติของแกนนำพันธมิตรฯ คิดว่า พันธมิตรฯ ควรจะหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์อยู่ให้ครบวาระ 2 ปี

 เพราะคุณอภิสิทธิ์ได้แสดงออกถึงบุคลิกของคนที่เป็น 'ผู้นำที่มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นสุภาพบุรุษ' ที่สำคัญ คุณอภิสิทธิ์เป็นคนซึ่งใช้ความเยือกเย็น ความอหิงสา และความสงบสันติ ปราบปรามพวกเสื้อแดง
 ถ้าจะสังเกตให้ดี ซึ่งผมสังเกตมาตลอด พบว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ไม่ชอบใช้อำนาจ การจะใช้อำนาจแต่ละครั้ง คิดแล้วคิดอีก

 ตอนที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กัน คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน (รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) ปล่อยให้คุณสุเทพ จัดการ แต่คุณสุเทพไม่จัดการ

 แต่มางวดนี้ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) สั่งให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ (รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) เข้ามาดูแล คุณอภิสิทธิ์สั่งให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ (รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) มาดูแทน อาจจะมองได้ว่า เพราะคุณอภิสิทธิ์ปฏิเสธคุณสุเทพไปเรียบร้อยแล้ว หรือสอง-เป็นจิตใต้สำนึกว่า หากให้คุณจงรักมา ย่อมไม่มีความยุติธรรมกับผม เพราะเป็นปฏิปักษ์กันมาก่อน ก็ไม่ผิด เพราะว่าสิ่งแรกที่คุณจงรักพูดตั้งแต่แรกที่รับเรื่องมา คือไม่ได้ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัวออก คล้ายๆ พูดกันไว้ก่อน

 กระทั่งหลังๆ มา คุณธานี พูดชัดเจน เรื่องส่วนตัวไม่มี มีแต่การเมือง เพราะฉะนั้น ผมเลยต้องชมคุณอภิสิทธิ์ แล้วผมคิดว่านายกรัฐมนตรีที่ดีๆ อย่างนี้ประเทศไทยไม่มีมานานแล้ว จริงๆ แล้วไม่เคยมีมาเลย เพิ่งจะมีครั้งนี้

 ผมจึงเสนอให้แกนนำพันธมิตรฯ ว่า ถ้าเขาคิดจะตั้งพรรค ก็ตั้งไป แต่ว่าพันธมิตรฯ จะสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกฯ จนครบวาระ 2 ปี

0 ประเมินว่า แรงกระแทกตอนคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ กับอำนาจทหาร จะเป็นยังไงต่อไป

 ผมคิดว่าทหารหรือตำรวจมีลักษณะอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อใดก็ตามที่มีอำนาจตำแหน่ง ก็ดูยิ่งใหญ่ แต่เมื่อใดก็ตามที่หมดอำนาจตำแหน่ง ก็หมดความหมายเพราะฉะนั้นแล้ว ขึ้นอยู่กับคุณอภิสิทธิ์จะกอบกู้ฉกฉวยที่จะเล่นประเด็นนี้ให้เป็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง

 ถ้าคุณอนุพงษ์ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. ก็ไม่มีความหมาย คุณประวิทย์ก็เช่นกัน ถ้าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วคุณอภิสิทธิ์มานั่งเอง เท่ากับเกมการเมืองก็เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง เพราะคุณเนวินก็ไม่สามารถเป็นทหารได้ คุณเนวินเอง ขณะนี้ก็ไม่สามารถเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งได้ เพราะอยู่ในสภาพที่ต้องหาเงินทุน เพราะฉะนั้นแล้ว ขึ้นอยู่กับคุณอภิสิทธิ์แล้วว่าจะเล่นเกมแบบไหน

0 ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำเป็นสำคัญ

 ถูกต้อง มีหลายคนบอกว่า คุณอภิสิทธิ์อ่อน แต่ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิอาจจะดูอ่อน แต่เวลาตัดสินใจ ตัดสินใจจริง

 อย่างเช่น กรณีลอบสังหารผม ได้พูดชัดเจน ทั้งในที่สาธาณะและที่ส่วนตัว ว่าต้องจับคนร้ายให้ได้ ซึ่งมันเป็นนัยที่สำคัญ เพราะชูหลักนิติรัฐ ตลอดเวลา ถ้าขืนปล่อยให้คนมาใช้อาวุธสงครามมาไล่ฆ่าผมอย่างนี้ แล้วยังอยู่ได้ ถามว่า คนอย่างนายกฯ อภิสิทธิ์จะรอดพ้นหรือเปล่า ก็ไม่รอดพ้นเหมือนกันใช่ไหม

0 คิดว่านายกฯ อภิสิทธิ์ จะกล้าตัดสินใจเรื่องสำคัญๆมากขึ้นหรือไม่

 ผมมั่นใจ ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าคุณอภิสิทธิ์ไม่ยึดหลักอันนี้ อนาคตก็ไม่มี ทั้งในแง่ของกายภาพ ในฐานะที่เป็นรัฐบาล และในแง่เชิงปรัชญา เพราะใครๆ ก็บอกว่าคุณอภิสิทธิ์ของปลอม ถูกไม่ถูก
 เพราะฉะนั้นแล้วผมยังเชื่อ โดยส่วนตัว รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์ เป็นคนที่ดูเหมือน 'อ่อน' แต่ 'แข็ง' กล้าตัดสินใจ ผมยังให้เกียรติอยู่ คิดว่าน่าจะตัดสินใจได้ เพราะประเทศจะอยู่ได้-ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ เป็นตัวแปรสำคัญ

 ถ้าหากในคดีผม คุณอภิสิทธิ์ตัดสินใจได้เด็ดขาด จะไม่มีใครกล้าทำอะไรกับคุณอภิสิทธิ์อีกแล้วนะ เชื่อผมสิ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์