สื่อเทศชี้วิกฤติการเมืองไทยยืดเยื้อหลายปี

สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่บทวิเคราะห์วิกฤติการเมืองไทย เมื่อวันที่ 12 เม.ย. โดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ความวุ่นวายทางการเมือง และความไม่แน่นอนในประเทศไทยจะยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นปีๆ หรือหลายปี หลังเกิดเหตุม็อบเสื้อแดงบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และคู่เจรจาที่พัทยา จนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยนายสมชาย ภคภาสวิวัฒน์ นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ชี้ว่า เหตุการณ์ล้มการประชุมครั้งนี้จะยิ่งทำให้สังคมไทยแตกแยกมากขึ้น ประเทศไทยจะแตกแยกและไร้เสถียรภาพต่อไปใน 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งกล่าวว่า ในอนาคตใครๆ ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศไทยได้แม้แต่รัฐบาลทหาร

ด้าน ศจ.ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความจริงที่ว่าการประชุมถูกเลื่อนออกไปทำให้รัฐบาลไทยขายหน้า และแสดงให้ชาวโลกเห็นว่าเหตุการณ์เช่นเมื่อปีที่แล้ว คือ กรณีม็อบเสื้อเหลืองบุกยึดสนามบิน ไม่ใช่มีครั้งเดียวแล้วจบ สถานการณ์ที่ม็อบเป็นใหญ่จะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ขณะที่นายไมเคิล เนลสัน นักวิชาการรับเชิญแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่า การเมืองในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องของประชาชน แต่เป็นการแผ่ขยายของครอบครัวและพวกพ้อง นี่คือโครงสร้างของทั้งระบบ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชนชั้นสูงอื่นๆ เช่นองคมนตรีและทหารด้วย ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำอยู่หลังฉากไม่ใช่เพื่อประชาชน เหล่านักวิเคราะห์ยังระบุว่า ชะตากรรมของนายกฯ อภิสิทธิ์ มีความสำคัญน้อยกว่าความจำเป็นที่จะต้องหาทางออกในระยะยาวเพื่อฟื้นฟูความสงบในท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ที่ไม่ระบุชื่อคนหนึ่งยังชี้ว่า การปฏิรูประบบการเมือง ซึ่งปัจจุบันถูกครอบงำโดยระบบอุปถัมภ์ ผู้มีอำนาจบารมีตามต่างจังหวัด และอิทธิพลของกลุ่มชนชั้นสูงที่แอบแฝงอยู่เท่านั้นประเทศไทย จึงจะมีเสถียรภาพที่ถาวรได้

ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ขณะนี้ประชาชนชาวไทยสงสัยว่า ใครกันแน่เป็นผู้รับผิดชอบบ้านเมืองขณะที่การจลาจลของกลุ่มคนเสื้อแดงปะทุขึ้น พร้อมทั้งเผยว่า ท้องถนนของกรุงเทพฯ มีสภาพเหมือนฉากจากการปฏิวัติ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองรับผิดชอบ สถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้งบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าหรูหราถูกกลุ่มม็อบเสื้อแดงบุกยึด

นายไมเคิล มอนเตซาโน นักวิจัยรับเชิญแห่งสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้มเหลวในการจัดการประชุมอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่เมืองพัทยาเมื่อวันเสาร์ที่ 11 เม.ย. เป็นเพราะสายการบังคับบัญชาที่แตกสลาย ความแตกแยกภายในกองทัพ หรือเจตนาอันเลวร้ายที่จะเสี่ยงแลกความอับอายขายหน้าของชาติเพื่อที่จะมีข้ออ้างในการกวาดล้างกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างรุนแรง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. รัฐบาลหลายประเทศออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ระวังการเดินทางมาประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษกระตุ้นให้ชาวอังกฤษทบทวนแผนการเดินทางเยือนไทย ซึ่งแต่ละปีมีชาวอังกฤษมาท่องเที่ยวพักผ่อนในไทยราว 1 ล้านคน และขณะนี้มีชาวอังกฤษอยู่ในไทยราว 40,000 คน แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานชาวอังกฤษได้รับผลกระทบโดยตรงจากความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ก็ออกคำเตือนให้พลเมืองของตนเลื่อนการเดินทางมาเมืองพัทยาถ้าไม่จำเป็นเร่งด่วนจริงๆ ด้านกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลียก็แถลงทางเวบไซต์แนะนำให้ชาวออสเตรเลียทบทวนแผนการเดินทางมากรุงเทพฯ และจังหวัดที่อยู่รอบๆ ส่วนผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้วก็ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ขณะที่รัฐบาลแคนาดาแถลงเตือนทางเวบไซต์ให้ชาวแคนาดาหลีกเลี่ยงสถานที่ที่กลุ่มผู้ประท้วงยึดครองอยู่หรือกำลังจะมุ่งหน้าไป ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฮ่องกงและรัสเซียก็ออกคำเตือนในลักษณะเดียวกัน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์