กองทัพสนธิกำลังกว่า56กองร้อยดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ

คมชัดลึก :นายกฯสั่งเสื้อแดงหยุดยั่วยุลั่นทำทุกทางให้ชาติสงบ ผบ.เหล่าทัพอยู่หน่วยที่ตั้งประเมินสถานการณ์ในการใช้กำลังสนับสนุนตำรวจ เบื้องต้นสนธิกำลังกว่า 56 กองร้อย ดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ


เมื่อเวลา 17.17 น.วันที่ 12 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า สถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความพยายามที่จะมีการกระทำผิดกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดปัญหาต่างๆ ตลอดจนก่อความวุ่นวายจลาจล ดังนั้นในขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความพร้อมที่จะเข้าปฏิบัติงาน ตามอำนาจหน้าที่ ที่มีอยู่ ใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้กำกับการปฏิบัติงาน ได้ให้ทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว

 "ขอให้พี่น้องประชาชนอยู่ในความสงบ มีความมั่นใจว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการทุกวิถีทางที่จะรักษากฎหมาย และทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความเรียบร้อย โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ผมขอบอกไปยังผู้ชุมนุมว่าผมยังเน้นย้ำอยู่ว่า หากการชุมนุมเป็นการเรียกร้องในสิ่งที่พึงจะเรียกร้องนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลพร้อมจะพูดคุยและตอบสนอง แต่ผู้ชุมนุมไม่มีสิทธิ์ทำสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การละเมิดสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น ดังนั้น จึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว และรัฐบาลมีความจำเป็น หากการกระทำดังกล่าวยังดำเนินต่อไป ที่จะต้องใช้มาตรการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป "นายอภิสิทธิ์  กล่าวหนักแน่น

 นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และประโยชน์ในระยะยาว รวมถึงเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ อย่างที่ควรจะเป็น เราจะตัดสินใจและดำเนินการทุกวิถีทาง ภายใต้ประโยชน์ดังกล่าว ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ ในการทำให้บ้านเมืองของเราสามารถฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้

กองทัพสนธิกำลังกว่า 56 กองร้อย ดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ

 เมื่อเวลา 18.00 น.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ร่วมประชุมอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เพื่อประเมินสถานการณ์ในการสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามการการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน และที่ ผบ.เหล่าทัพ ทั้ง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ติดตามสถานการณ์ภายในของแต่ละเหล่าทัพ

ทั้งนี้เบื้องต้น กองทัพจะจัดส่งกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 56 กองร้อย ตามแผน “อาร์มทอง” เพื่อดูแลสถานที่ราชการสำคัญ โดยแบ่งพื้นที่โซนในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 ประกอบด้วย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการควบคุมกำลังพล ส่วนโซนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จะให้ทางกองทัพเรือ เป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่โซนในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.อยุธยา จ.นครปฐม จะให้ทางหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองทัพอากาศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์