เสื้อแดงล้มเวทีอาเซียนอภิสิทธิ์ลั่นใครประกาศชัยชนะคือศัตรูของชาติ

คมชัดลึก :เสื้อแดงฮือยึดโรงแรมอาเซียน นักข่าวหนีตาย ผู้นำหนีขึ้น ฮ.-ลงเรือ ทุลักทุเล "อภิสิทธิ์" ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลั่นใครประกาศชัยชนะเป็นศัตรู "แม้ว" ซัด "เนวิน" จ้าง ตร.ใส่เสื้อน้ำเงินหัวละ 3 พัน ม็อบฉลองชัย เหิมจะปิดศาลากลาง-ถนนทั่วไทย


 หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนพลไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จนเกิดการปะทะกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน เหตุการณ์ก็ลุกลามบานปลายจนคนเสื้อแดงใช้ไม้และด้ามธงบุกเข้าไปในโรงแรมที่มีการจัดประชุมอาเซียน

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินในเขตพัทยา และ จ.ชลบุรี โดยมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้กำกับการในการปฏิบัติหน้าที่

 "การประชุมครั้งนี้ ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจาได้ขอบคุณรัฐบาลที่พยายามจัดการประชุมครั้งนี้ ภารกิจต่อไป คือ การดูแลความปลอดภัยแก่ผู้นำต่างๆ ในการเดินทางกลับ โดยผู้นำแต่ละชาติเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมแล้ว ทั้งนี้ จึงขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างร้ายแรงที่พัทยา และ จ.ชลบุรี โดยมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้กำกับดูแล และยืนยันว่าการตัดสินใจทุกอย่างทำอยู่บนพื้นฐานประโยชน์สูงสุดของประเทศ และจะนำความสงบสุขกลับมาโดยเร็ว" นายกรัฐมนตรีกล่าว

 ต่อมา นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล ได้แถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เมืองพัทยาและ จ.ชลบุรี โดยที่ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง นำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทั้งจะไม่ส่งผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ อันเป็นการกระทำที่จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย และกระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็ว

 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของคน ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

 นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เมืองพัทยาและ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน พุทธศักราช 2552

เลิกภาวะฉุกเฉิน ใครประกาศชัยชนะเป็นศัตรู

 ต่อมานายกรัฐมนตรีแถลงยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนคงทราบเหตุการณ์ซึ่งเป็นการต่อต้านและมีวัตถุประสงค์ต่อต้านและขัดขวางการประชุมอาเซียน และคู่เจรจาอันนำไปสู่การที่รัฐบาลต้องเลื่อนประชุมออกไป การที่ไม่สามารถจัดการประชุมครั้งนี้ได้คงไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่เสียหายแค่สาระประชุม แต่ในแง่ภาพลักษณ์ประเทศความเชื่อมั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนที่มีหัวใจคนไทยไม่ประสงค์จะให้เกิด และไม่มีส่วนใดที่เป็นเรื่องการกระทำรัฐ แต่เป็นการกระทำของคนที่จงใจขัดขวางการประชุม รัฐทำงานภายใต้ข้อจำกัด เราต้องดูแลความปลอดภัยของผู้นำประเทศ รัฐบาลต้องขออภัย เพราะมีหน้าที่ดูแลให้การประชุมประสบผลสำเร็จ

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นตนได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และภารกิจคือ การดูแลการเดินทางกลับของผู้นำให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และภารกิจได้ลุล่วง พร้อมกันนี้ได้พบผู้นำประเทศ และได้กล่าวขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้นำประเทศได้เห็นใจและเข้าใจตลอดจนเลขาธิการสหประชาติที่ยังเดินทางมาไม่ถึง ตนได้ขออภัย และได้รับความเห็นใจและเข้าใจจากท่าน  ส่วนนายกฯ ออสเตรเลียยังไม่มีการคุย เพราะได้เดินทางกลับ อย่างไรก็ตาม เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้นรัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินต่อไป จึงขอยกเลิกภาวะฉุกเฉิน และจะได้ประชุมหาแนวทางต่อไป สิ่งสำคัญคือ นำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง และจะมุ่งไปสู่เป้าหมายนั้น

 "บนความสูญเสียของประเทศชาติวันนี้ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคนคนนั้น และกลุ่มคนนั้นคือศัตรูของประเทศไทยอย่างแท้จริง ไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานะใดจะไม่ยอมให้ใครมามีอิทธิพลเหนือคนไทย โดยจะดำเนินการบนความถูกต้อง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เสื้อน้ำเงินปิดทางขึ้นโรงแรม โหมไฟเสื้อแดง

 เหตุการณ์ความวุ่นวาย ซึ่งลุกลามบานปลายจนทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจเลื่อนการประชุมอาเซียนออกไป และประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนตั้งแต่เวลา 07.30 น. วันที่ 11 เมษายน โดยมี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เป็นแกนนำเคลื่อนขบวนจากห้างบิ๊กซี พัทยา โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท

 ส่วนบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณเขาพระตำหนัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา สถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้มีกำลังทหารหลายกองร้อย พร้อมโล่ และกระบอง ตรึงกำลังอยู่โดยรอบ

 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดกับรถที่จะผ่านเข้ามาในโรงแรม โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมผ่านเข้าไปได้ ส่วนทหารได้นำรั้วลวดหนามพร้อมแผงเหล็กมากั้นไว้เป็นระยะ ตลอดเส้นทางขึ้นโรงแรม และได้ปิดเส้นทางการจราจร 1 ช่องทาง

 ขณะเดียวกันก็มีมวลชมกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน สกรีนข้อความ “สงบ สันติ สามัคคี” กว่า 200 คน พร้อมอาวุธเป็นท่อนไม้ครบมือเช่นกันยืนกั้นประจันหน้ากับกลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง เพื่อกันไม่ให้ผ่านขึ้นมาบนโรงแรมที่จัดประชุมได้

 มีรายงานว่า ในคืนวันที่ 10 เมษายน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มาตรวจความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ และกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่ปักหลักบนเขาพระตำหนัก ทั้งยังมีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน มาสังเกตการณ์กลุ่มคนเสื้อนำเงินด้วย

แดงเดือดปะทะน้ำเงิน ชักปืนถล่มเจ็บระนาว
 
 กระทั่งเวลาประมาณ 08.30 น. ที่หน้าโรงแรมพัทยาฮิลล์ ถนนพระตำหนัก ซอย 4 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน กำลังเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสู่สถานที่จัดประชุมอาเซียนในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา มีกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินกว่า 200 คนปิดกั้นแนวถนน และเพื่อสกัดกั้นคนเสื้อแดงไม่ให้เข้าไปในโรงแรมจนเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น

 ระหว่างนั้นแกนนำทั้งสองฝ่ายพยายามเจรจาหาข้อยุติ โดยคนเสื้อแดงขอให้คนเสื้อน้ำเงินเปิดทางให้ แต่ไม่เป็นผล ท้ายที่สุดจึงเกิดการตะโกนท้าทาย และปะทะกันขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายระดมใช้ท่อนไม้ ก้อนหิน และหนังสติ๊กยิงใส่กันอย่างหนัก จากนั้นมีการปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินเสียงดังสนั่น ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างพากันแตกฮือหลบหนีกันไปคนละทิศละทาง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากการปะทะทำให้คนเสื้อแดงได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นายพงษ์เดช ศรีพนา อายุ 36 ปี ถูกยิงที่เท้าขวา และนายสุรศักดิ์ เริ่มปลูก อายุ 36 ปี ถูกยิงที่ศอกขวา ส่วนเสื้อน้ำเงินได้รับบาดเจ็บ 1 คน จากการถูกสะเก็ดระเบิด
เผชิญหน้าอีกหวิดปะทะ แท็กซี่ถูกยิงเจ็บ 2

 ขณะที่การเคลื่อนขบวนหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงจากจุดสกัดบนถนนเพชรตระกูล เพื่อมุ่งหน้าสู่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ได้เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้น เมื่อขบวนกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 2,000 คน ได้เคลื่อนมาเผชิญหน้ากับขบวนกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินประมาณ 1,000 คน นำโดย นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ บริเวณแยกสะพานต่างระดับแหลมบาลีฮาย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างถืออาวุธครบมือ และตะโกนด่ากันไปมา โดยกลุ่มเสื้อน้ำเงินประกาศจุดยืนไม่ต้องการให้เมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

 ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำโดย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ระบุว่า คนเสื้อแดงไม่ต้องการปะทะกับฝ่ายใด เป้าหมาย คือ ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ต้องการให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยุบพรรค ให้องคมนตรีลาออกจากตำแหน่ง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมตรงจุดนี้ไม่ได้เกิดการปะทะกันแต่อย่างใด เนื่องจากแกนนำผู้ชุมนุมต่างประกาศว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นภายหลังเมื่อกลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง 3 คัน ถูกกลุ่มคนเสื้อดำดักยิงจากบนสะพานต่างระดับหนองขามถนนสาย 7 ตอน 2 ขาเข้าพัทยาหมู่ 1 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นายสุชิน นพโสภณ อายุ 64 ปี ถูกยิงเข้าที่ขาซ้าย และนายสมพงษ์ จำปาเทศ อายุ 30 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหล่ 1 นัด

 ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนให้การว่า นั่งรถแท็กซี่ตามกันมาเพื่อไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เมื่อวิ่งมาถึงใต้สะพานต่างระดับก็ถูกยิงมาจากบนสะพาน เมื่อจอดรถมองไปก็พบชายใส่ชุดดำ 2 คนเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

"อริสมันต์"แฉ"เนวิน-สุเทพ"ชักใยเสื้อน้ำเงิน

 ต่อมานายอริสมันต์ พร้อมตัวแทนประมาณ 10 คนได้เจรจากับตำรวจเพื่อขอเข้ามาในศูนย์สื่อมวลชนในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อขอเปิดแถลงข่าวแฉพฤติกรรมของตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามต่อรอง แต่สุดท้ายก็ต้องยินยอมให้มีการแถลงข่าว

 ในระหว่างการแถลงข่าว นายอริสมันต์ได้นำของกลาง เช่น เสื้อสีน้ำเงินของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ระเบิดปิงปอง ระเบิดควัน ตะปูเรือใบ และปลอกกระสุนปืน มาร่วมแถลง ท่ามกลางสื่อมวลชนทั้งไทย และต่างประเทศที่ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม

 นายอริสมันต์ระบุว่า กลุ่มเสื้อแดงสามารถเก็บปลอกกระสุนปืนได้ 8 ปลอก หนังสติ๊ก ลูกแก้วที่ยิงเข้าใส่เบ้าตาและศีรษะของคนเสื้อแดง และยังพบระเบิดปิงปองในกระเป๋าและเสื้อสีน้ำเงินที่กลุ่มเสื้อน้ำเงินถอดทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างถนน สิ่งเหล่านี้มีเป้าหมายเอาชีวิตกลุ่มเสื้อแดง ขณะที่พวกตนมีเพียงท่อนไม้ ก้อนหิน ก้อนอิฐ ที่หยิบฉวยมาจากข้างทางเท่านั้น จากการปะทะกลุ่มเสื้อแดงยังถูกยิงได้รับบาดเจ็บหลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ขอร้องให้รัฐบาลยุติการกระทำเหล่านี้และให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและรัฐบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 "พวกผมขอเรียกร้องให้การประชุมสุดยอดอาเซียนยุติลง และนายอภิสิทธิ์ต้องลาออก เพราะมาด้วยความไม่ชอบธรรม จึงไม่มีคุณสมบัติที่ดีที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม และยังมีเป้าประสงค์ทำร้ายประชาชนของตัวเอง เหตุการณ์ปะทะกันที่จะสกัดเสื้อแดง ผมทราบมาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเสื้อน้ำเงินทำร้ายเสื้อแดง และนายเนวิน ชิดชอบ ยังได้ประชุมลับ คอยสั่งการที่ร้านอาหารบูโน่ หาดจอมเทียน ในเวลา 21.00 น. เมื่อวันที่ 10 เมษายน" นายอริสมันต์กล่าว

ฮือทุบกระจก-ยึดโรงแรม นักข่าวหนีตายอลหม่าน

 ระหว่างนั้นการเผชิญหน้าของกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินก็ปะทุขึ้นอีกรอบ หน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา โดยเกิดเสียงดังคล้ายปืนขึ้นหลายครั้ง ทั้งยังมีการระดมยิงปืนหัวนอต หนังสติ๊ก และใช้ท่อนไม้บุกเข้าทำร้ายคนเสื้อน้ำเงิน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยมาสมทบเป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่ปิดทางเข้าอยู่แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง

 จากนั้นผู้ชุมนุมพยายามเข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการรายงานข่าวของสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ เนื่องจากมีกำลังทหารตั้งแถวกันไว้ แต่สามารถต้านทานได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น โดยผู้ชุมนุมได้ใช้ท่อนไม้และด้ามธงกระทุ้งกระจกอาคารโรงแรมแตกเป็นผลสำเร็จ ก่อนจะวิ่งกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศแตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน

 ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าไปในห้องผู้สื่อข่าว เพราะเข้าใจว่านายกฯ อยู่ภายใน แต่ก็ไม่พบตัว จึงหันมาข่มขู่ผู้สื่อข่าวที่รายงานสถานการณ์สดให้รายงานดีๆ มิเช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย ส่วนผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ติดอยู่ในโรงแรม โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวผู้หญิงต่างอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด บางรายถึงกับร้องไห้โฮ ขณะที่บางรายก็ยกมือไหว้ อ้อนวอนผู้ชุมนุม และมีรายงานว่าภริยาผู้นำประเทศอาเซียนบางรายที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็อยู่ในอาการผวาอย่างหนัก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มของเจ้าหน้าที่

 ต่อมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เดินทางมาเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะต้องเอาคนที่ยิงคนเสื้อแดงมาให้ได้ ซึ่ง ผบ.ตร.รับปากว่าจะนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ผู้ชุมนุมยังดึงดันจะเข้าไปในอาคาร เพื่อค้นหานายอภิสิทธิ์ให้ได้ โดยจะขอเข้าไปค้นในห้องพัก และบนดาดฟ้า กระทั่งทราบข่าวว่ารัฐบาลเลื่อนการประชุมอาเซียนออกไป กลุ่มผู้ชุมนุมก็โห่ร้องยินดี และยอมถอยร่นออกมา

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน และแท็กซี่ประมาณ 30 คัน ได้ปิดถนนโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งเป็นที่พักของ นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน นายลี มยอง บัค นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ และโรงแรมอมารี ซึ่งเป็นที่พักของ นายทาโร อะโซ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยใช้รั้วเหล็กกั้นไม่ให้ตำรวจผ่านเข้าไป ทำให้ผู้นำทั้งสามประเทศไม่สามารถเดินทางไปประชุมได้

ขีดเส้นล่าตัวมือยิงใน 1 ชม. ล่าตัว "อภิสิทธิ์"

 จากนั้นนายอริสมันต์ซึ่งนำผู้ชุมนุมเข้ายึดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ได้สำเร็จ แถลงจุดยืนอีกรอบว่า พวกเรามหาชนคนเสื้อแดงผู้ที่รักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่สามารถทนพฤติกรรมของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ เพราะสั่งการให้สลายประชาชนโดยใช้อาวุธ ปืน ระเบิด และมีการดักยิงคนขับรถแท็กซี่ 2 ราย ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล จึงคิดว่านายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกรเอาชีวิตพี่น้องคนเสื้อแดง และเราได้กำหนดเงื่อนไขว่า ภายใน 1 ชั่วโมง ต้องจับคนที่ยิงให้ได้ หากไม่สามารถจับคนที่ทำร้ายคนเสื้อแดงได้ เราจะบุกโรงแรม ทั้งนี้ เรามีมติจะไม่ใช้ความรุนแรงกับคนในห้องประชุม จะจัดการนายอภิสิทธิ์คนเดียว

 เมื่อถามย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับที่บอกก่อนหน้านี้ว่าจะชุมนุมโดยสงบหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ไม่รุนแรง แต่นายอภิสิทธิ์และบุคคลในรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง มีการสั่งตำรวจ ทหารจากบุรีรัมย์ สุรินทร์เดินทางมายังพัทยาเพื่อจัดการกับเสื้อแดง และล่าสุดได้รับรายงานว่าคนขับแท็กซี่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อถามว่าศพอยู่ที่ไหน นายอริสมันต์ก็ทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะตอบว่า "อยู่โรงพยาบาลบางละมุง"

 เมื่อถามว่าจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และจะรับประกันในความปลอดภัยของผู้นำอย่างไร นายอริสมันต์กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะรักษาความปลอดภัยของผู้นำ กลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีหน้าที่ และไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้

"อนุพงษ์” ปฏิเสธยกหูคุย “อริสมันต์”

 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวปฏิเสธกรณีนายอริสมันต์แอบอ้างว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก โทรศัพท์ไปพูดคุยเพื่อขอร้องให้ยุติการเคลื่อนไหวในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะคนระดับ พล.อ.อนุพงษ์ คงไม่โทรศัพท์ไปพูดคุยกับใครง่ายๆ แต่ถ้านายอริสมันต์ยกหูพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งของกองทัพบกคงเกิดขึ้นได้

หมอยันคนเสื้อแดงยังไม่มีใครตาย

 นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สรุปสถานการณ์ผู้บาดเจ็บจากการปะทะที่โรงพยาบาลบางละมุง ว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณทางขึ้นเขาพระตำหนัก 10 ราย ในจำนวนนี้ 9 ราย ถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง เป็นคนเสื้อแดง 4 ราย และคนเสื้อน้ำเงิน 5 ราย โดยบาดแผลเกิดจากถูกสะเก็ดระเบิดทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส มีเพียงแผลถลอกเท่านั้น แพทย์ทำความสะอาดแผลและให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เป็นชายสวมเสื้อแดง แต่ยังไม่ทราบชื่อ ถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โดยมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าท้อง แพทย์เอกซเรย์พบว่า มีสะเก็ดระเบิดฝังที่ตับ แต่ยังไม่เสียชีวิต

 มีรายงานว่า สาเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงสามารถบุกเข้าไปยึดโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมอาเซียนได้นั้น เนื่องจากเป็นการตัดสินใจผิดพลาด ที่สั่งให้มีการถอนม็อบเสื้อสีน้ำเงินที่ระดมมายันกับม็อบเสื้อแดงออกไป กระทั่งม็อบเสื้อแดงสามารถปฏิบัติการได้สำเร็จ

วอร์รูม ปชป.จวกสุเทพ "หน่อมแน้ม"

 ที่ประชุมคณะทำงานปฏิบัติการทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) วิจารณ์การทำงานของนายสุเทพว่า อ่อนหัด ไม่กล้าใช้อำนาจ ทั้งที่มีอำนาจรัฐ แต่กลับปล่อยให้มีการปะทะของมวลชน 2 ฝ่าย และบุกเข้าโรงแรม

 นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เมืองพัทยาว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นการทำงานตรงตามความมุ่งหวังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเห็นได้จากการปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำนายเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างชัดเจน ใช้ถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความพร้อมที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยมี 2 วัตถุประสงค์ คือ ใช้การเผชิญหน้าเพื่อนำไปสู่การก่อจลาจลของประชาชน และเกิดการจับกุม โดย พ.ต.ท.ทักษิณพูดชัดเจนว่า เมื่อใดเสื้อแดงเกิดบาดเจ็บจะมีการลุกฮือทั่วประเทศ เพราะต้องการให้มีการนำเสนอภาพเหล่านี้เป็นข่าวเชิงลบไปทั่วโลก และการปราศรัยของแกนนำ นปช.ก็พูดชัดเจนว่าประสบความสำเร็จ

 นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า รัฐบาลโดยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะไม่ยอมให้มีการสร้างสถานการณ์ที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศ ไม่ยอมรับเงื่อนไขของ นปช.ทั้งสิ้น โดยภารกิจวันนี้คือการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ มุ่งมั่นให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดและเด็ดขาด ไม่ให้เกิดความรุนแรง การเคลื่อนไหววันนี้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของประชาธิปไตย แต่เป็นการเคลื่อนไหวแบบกองโจรภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ หัวหน้ากองโจร ที่สร้างความวุ่นวาย แตกแยก รุนแรงให้เกิดในสังคมไทย

 เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ส.รัฐบาลนำมวลชนไปปะทะ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากการสอบถามสื่อในพื้นที่ทราบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงโยนประทัดใส่ก่อน โดยการเกิดขึ้นของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ซึ่งเป็นคนในละแวกพัทยาไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหว เพราะพวกเขาต้องรักษาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชาติ ที่พวกเขาทำมาหากิน ส่วน นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี นั้น ได้สอบถามแล้วพบว่า นายประมวลขอมีส่วนร่วมในฐานะของคนชลบุรี ไม่ได้เคลื่อนไหวในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

จับตา"วินาศกรรม"แบงก์-สถานที่ราชการ

 นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือว่าเกินขอบเขตกฎหมาย ในประวัติศาสตร์โลกไม่เคยมีการปิดล้อมผู้นำต่างชาติ การปิดล้อมถือเป็นการก่อการร้ายสากลหรือไม่

 นายเทพไทระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันตามข้อมูลของ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ระบุว่าจะมีการวางแผนก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ ทั้งสถานที่ราชการ ธนาคาร และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคได้ติดตามตลอดและมีเบาะแสว่าเป็นความจริง โดยจะดำเนินการในเร็ววันนี้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะใช้วิดีโอลิงก์ปลุกระดมเกณฑ์คนจากทำเนียบไปสร้างความรุนแรงที่เมืองพัทยา ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าตัวเองอยู่ประเทศไทยไม่ได้ ก็ต้องทำลายประเทศนี้ใช่หรือไม่

"แม้ว" ซัด "เนวิน" จ้าง ตร.ใส่เสื้อน้ำเงิน

 วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ายังกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง โดยระบุว่าอยู่ระหว่างเดินทาง และวันนี้รู้สึกไม่ค่อยหล่อ จึงไม่ได้ใช้วิดีโอลิงก์พูดคุยกับผู้ชุมนุม โดยยืนยันว่าจะไม่ทิ้งผู้ชุมนุมไปไหนแน่นอน

 พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า รู้สึกเจ็บกับคนเสื้อแดงที่ถูกทำร้ายด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็รู้สึกเจ็บไปด้วย แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนข้างเคียงพัทยาไปชุมนุมให้กำลังใจเยอะ รวมทั้งคนที่ไปปิดศาลากลางจังหวัด ซึ่งมีความเจ็บแค้นรัฐบาลด้วย ทั้งที่ผู้ชุมนุมต้องการยื่นข้อเรียกร้องให้ผู้นำต่างประเทศเห็นว่า เราต้องการคัดค้านรัฐบาลที่มีที่มาโดยไม่ชอบธรรม และไปมือเปล่า โดยปราศจากอาวุธ

 "แต่ปรากฏว่ามีการระดมคนเสื้อน้ำเงิน ซึ่งอ้างว่าจะปกป้องราชบัลลังก์ ทำให้ประเทศเสียหายหมด มีการจ้างตำรวจปราบจลาจล 2 กองร้อยจากบุรีรัมย์ จากสุรินทร์ โคราช มาสวมเสื้อยืด พอตำรวจเห็นคนใส่เสื้อยืดก็เดินตะเบ๊ะ เพราะเป็นนายชั้นผู้ใหญ่ มีคนเสื้อน้ำเงินอยู่ตั้งแต่สุวรรณภูมิไปโรยตะปูเรือใบ และยิงแท็กซี่จากบนสะพานลอย ซึ่งเป็นการปราบปรามโดยรัฐบาล โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบ ซึ่งอ้างว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินโดยนายเนวิน ในราคาหัวละ 3,000 บาท พฤติกรรมคล้ายคนสวมเสื้อเหลืองไปยึดสนามบิน" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

 พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวสนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า เป็นไปโดยสันติ และปราศจากอาวุธ และอยากฝากบอกรัฐบาล โดยขอยกคำพูดของมหาตมะ คานธี ว่า "ชัยชนะที่ได้มาด้วยความรุนแรง เป็นชัยชนะเพียงชั่วคราว" และ "ระบบตาต่อตามีแต่ทำให้โลกมืดมน" ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด

 ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังเรียกร้องให้คนมาร่วมชุมนุมหน้าทำเนียบในช่วงสงกรานต์ เพื่อร่วมกันขับไล่รัฐบาลด้วย

 "อดทนอีกไม่กี่วันได้เห็นแน่ เปลี่ยนแปลงประเทศได้แน่" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

เสื้อแดงประกาศชัยชนะ สั่งยึดศาลากลาง-ปิดถนน

 ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาลคึกคักเป็นพิเศษ หลังล้มการประชุมอาเซียนได้สำเร็จ โดยแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ ได้ประกาศชัยชนะบนเวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้อง

 นายจตุพรกล่าวว่า แม้เราจะได้รับชัยชนะที่พัทยาแล้ว แต่การต่อสู้ของเรายังไม่จบ จนกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะลาออก และนับจากนี้ ขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงทั่วประเทศตรึงกำลังบริเวณศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศไว้ และอาจต้องมีการปิดถนนทั่วประเทศ เวลานี้ได้เวลาแผ่นดินลุกเป็นไฟแล้ว และอย่างน้อยวันนี้นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีทางกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลได้อีก

 นายจตุพรระบุว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ตอนนี้เหล็กร้อนแล้ว ขอให้ทุกคนออกมารวมตัวกันที่ทำเนียบเหมือนวันที่ 8 เมษายน ออกมากันทั่วประเทศ ส่วนที่นายกฯ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่พัทยา หยุดอะไรไม่ได้แล้ว แม้จะประกาศแต่ก็ทำอะไรกับคนเสื้อแดงไม่ได้

 นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การรบที่พัทยาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เพราะรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการประชุมอาเซียนแล้ว เมื่อนายกฯ ไม่สามารถเข้าทำเนียบได้ ไม่สามารถจัดการประชุมได้ แล้วแบบนี้จะอยู่ในตำแหน่งทำไม ตนได้บอกให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่พัทยาถอนกำลังออกจากโรงแรมเพื่อมายังทำเนียบ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญ เมื่อมาถึงก็ขอให้ทุกคนร่วมกันฉลองให้แก่นักรบของเรา นายกฯ และ ผบ.ทบ.ต้องดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม ถ้าหากเกิดการโจมตีจุดใดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นประเทศไทยจะเป็นอัมพาตชั่วคราว ตนไม่ได้ขู่

 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคได้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการที่สร้างความแตกแยกให้แก่ประชาชน โดยมีฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงอยู่เบื้องหลัง วันที่ 12 เมษายน เวลา 10.00 น. ตนจะแถลงข่าวที่พรรค โดยจะนำภาพข่าวที่ได้มาจากดีสเตชั่น เป็นภาพที่นายเนวิน และนายสุเทพ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก และ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.2 รอ. ไปแอบหารือกันเมื่อวันที่ 10 เมษายน เพื่อไปนำกลุ่มคนเสื้อหลากสีมาปะทะกับกลุ่มเสื้อแดงที่พัทยา

"เนวิน" แค่เป็นห่วง ไม่ได้บงการม็อบน้ำเงิน

 นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ปฏิเสธข่าวอยู่เบื้องหลังคนเสื้อน้ำเงินว่า “ไม่ใช่ครับ ผมเกี่ยวข้องทั้งเสื้อแดงและเสื้อน้ำเงิน ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันทั้งนั้น มันเป็นบาปกรรมของผม วันที่สีแดงเคลื่อนก็บอกว่าผมสั่ง วันนี้สีน้ำเงินเคลื่อนก็ผมอีก ก็แล้วแต่เวรกรรม"

 เมื่อถามว่า คืนวันที่ 10 เมษายน ได้ลงตรวจพื้นที่พร้อมกับนายสุเทพ และ ผบ.ตร. ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายเนวินกล่าวว่า ก็มีพูดคุยกันบ้าง ตนได้แจ้งถึงประสบการณ์ว่า ถ้าตนเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมจะเคลื่อนอย่างไร มีกี่ช่องทางที่สามารถทำได้ และก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ คือ มีการปิดล้อม 3 ทางเข้าของโรงแรม ไม่ให้ผู้นำประเทศเข้าประชุม สิ่งที่เสื้อแดงทำวันนี้เป็นการสร้างตราบาปให้เมืองพัทยาไปอีกนาน

พธม.ไม่ขยับ จี้รัฐปกป้องศักดิ์ศรีชาติ

 วันเดียวกัน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข สองแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตร เป็นตัวแทนแกนนำอ่านแถลงการณ์มติ 5 แกนนำพันธมิตร แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยพันธมิตรมีความพร้อมที่จะออกมาชุมนุมเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีประเทศ แต่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า รัฐบาลไม่รับประกันว่ากองทัพ หรือผู้นำบางส่วนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอ้างเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายต่างออกมาเผชิญ ฉวยโอกาสใช้กำลังสลายการชุมนุม ด้วยเหตุผลดังกล่าวพันธมิตรจึงมิอาจนำพาชีวิตมวลชนมาเสี่ยงกับสถานการณ์วันนี้ แต่ให้เตรียมความพร้อมอยู่ในที่ตั้ง และเรียกร้องให้รัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมาย และกลไกของรัฐ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของประเทศ

บช.น.ตั้ง 50 จุดสกัดจับตามือที่สาม

 พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. ระบุว่า ผบช.น.ได้ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดเน้นการตรวจตราอาวุธปืน อาวุธสงคราม บุคคลต้องสงสัย และยาเสพติด เข้มข้นมากขึ้นในพื้นที่ กทม.50 จุด ส่วนกรณีผู้ชุมนุมเคลื่อนที่ไปบ้านนายกฯ และสถานที่ราชการอื่นๆ ได้จัดกำลังตำรวจ บก.น.5 และตำรวจพื้นที่ไปดูแลความปลอดภัยแล้ว

"เหนาะ" ไล่นายกฯ ลาออก

 นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ว่า สถานการณ์จากนี้ไปจะยุ่งกระทบไปทั่วกรุงเทพฯ และถ้าทหารออกมาจะยุ่งเข้าไปใหญ่ ทางที่ดีที่สุดคือ นายกฯ ต้องลาออกและประกาศเลือกตั้งใหม่ ถ้ายังดื้อรั้นอยู่รับรองได้เลยว่ายุ่งแน่ ซึ่งก่อนจะลาออกก็เจรจากันก่อน หันหน้าเข้าหากัน จะให้ตนเป็นคนกลางช่วยเคลียร์ปัญหาให้ก็พร้อม หรือจะเป็นรัฐบาลร่วมกันเอาใครขึ้นมาก็ได้ ซึ่งสองขั้วนี้ห้ามเป็นนายกฯ จะเอาใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติ และถ้ายุบสภาก็เจ๊งยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่ม

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์