คมชัดลึก : การชุมนุมของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ได้ยกระดับความเข้มข้นมาก หลังจากที่ปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์ “ดาวกระจาย” ปิดล้อมเมือง โดยพุ่งเป้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงการต่างประเทศ กองบัญชาการกองทัพบก
โดยเฉพาะการนำ “รถแท็กซี่” ไปปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการคมนาคมของเมืองหลวง
การเคลื่อนไหวแบบ “ไร้รูปแบบ” ของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ยากต่อการแก้ไขปัญหา
ขณะเดียวกัน ก็กวักมือหย็อยๆ เร่งสถานการณ์เพื่อให้การเผชิญหน้าเร็วขึ้น
เห็นได้จากการเดินทางออกนอกประเทศของ อดีตเมีย ที่หอบลูกไปตั้งแต่ก่อนกำหนดวันดีเดย์ นั่นคือสัญญาณที่ส่งถึงรัฐบาล-กองทัพ ว่า ที่เมืองไทยไม่มีอะไรที่ต้องผูกพันห่วงใย เพราะคนใกล้ชิด ล้วนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้ว
ในขณะที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น การข่าวของกองทัพ ระบุว่า บัญชาการอยู่ที่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม รปภ.เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยจาก 10 คน เป็น 30 คน อุ่นใจเหมือนมีกองกำลังส่วนตัว !
มีอารมณ์เฝ้าดูสถานการณ์ในแผ่นดินเกิดว่าจะเป็นไปตามแผนการหรือไม่ ได้อย่างสบายใจ เป็นสถานการณ์ที่ค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ หรือตำรวจ หรือใครก็ได้ เพื่อให้ความรุนแรงเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าประเทศโดยมีโล่มนุษย์เสื้อแดงเป็นเกราะคุ้มภัย
น่าสนใจว่า การขับเคลื่อนในเรื่องนี้ มีกำหนด 3 วัน
การชุมนุมล่วงเข้าสู่บ่ายของวันที่สอง ความพยายามก็ยังไม่สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จ ก็ย่อมหมายความว่า "ค่าใช้จ่าย" ก็ต้องบานปลายออกไป
ถึงแม้จะทำโครงการเบิกจ่ายการนำผู้คนมาชุมนุมที่บรรดา ส.ส. อดีต ส.ส.ทำประมาณการเอาไว้ แต่เอาจริง รายจ่ายไม่น่าจะอยู่แค่ที่กำหนดกันไว้คร่าวๆ
การข่าวที่ไหลเข้ามายังหน่วยงานด้านความมั่นคง
เส้นทางแรกมาจากภายในประเทศ มีการอัดฉีดก่อนที่นายหญิงจะออกนอกประเทศ
เส้นทางที่สองมาจากต่างประเทศ ผ่าน ฮ่องกง กัมพูชา ที่ส่งเข้ามายังบุคคลอื่น ไม่ได้ผ่านเครือญาติ
บุคคลหนึ่งที่การข่าวระบุชื่อชัดเจนก็คือ เป็น "หญิง" ที่ทำธุรกิจค้าอัญมณี !
น่าสนใจที่ธนาคารหลายแห่งในฮ่องกง และกัมพูชา ที่มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองไทยไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่า เม็ดเงินเหล่านั้นที่ไหลผ่านระบบธนาคารจะนำไปใช้สำหรับเกมชิงอำนาจการเมือง
ยังไม่ชัดเจนว่า ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งผ่านไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แล้วหรือไม่
เพราะที่แน่ๆ การทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ไม่ใช่แค่ 2 ล้านบาท ตามที่กฎหมาย ปปง.กำหนดเอาไว้
ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลการเข้าไปตรวจสอบ
เพราะชัดเจนแล้วว่า "อำนาจเงิน" เขย่า "อำนาจรัฐ" ได้สบายๆ
และ เนวิน ชิดชอบ ก็บอกไว้แล้วว่า ทักษิณ เคยลั่นวาจาไว้ว่า "at any cost"
เท่าไหร่เท่ากัน !!
จากทีมข่าวความมั่นคง หนังสือพิมพ์คมชัดลึก